สิ้นสุดการรอคอย สำหรับภาพยนต์เรื่อง Thor: Love and Thunder วันนี้เราจะมาแนะนำ-รีวิวหนังมาใหม่ จากค่าย Marvel กับภาคแยกต่อของธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า ในภาคนี้ยังคงความ สนุก ตลกไว้เหมือนเดิม และได้นักแสดงฝีมือดี ระดับออสก้า อย่างคริสเตียน เบล และนาตาลี พอร์ตแมนมาร่วมแสดงด้วย แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ดูสามารถหาดูได้แล้วแบบ เต็มเรื่อง พากย์ไทยที่ หนังhdใหม่
รีวิวภาพยนตร์ ธอร์: ด้วยรักและอัสนี เต็มเรื่อง
สำหรับ ธอร์: ด้วยรักและอัสนี (ที่ไม่มีวสันต์) คงต้องเป็น สนุก ดูง่าย ขำได้แทบทุกฉาก เพราะเป็นภาพยนตร์ที่อัดมุกมาแน่นราวกับกลัวคนดูไม่ขำ เก็บครบไม่ว่าจะห้าบาท สิบบาท หรือ เหรียญสตางค์กับเรื่องราวของ ธอร์ (รับบทโดย คริส เฮมส์เวิร์ธ) ผู้กำลังตามหาความสงบจากภายในหลังจากเผชิญความสูญเสียมาหลายครั้ง เขากลับมาดูแลตัวเองให้หุ่นดีและออกทำภารกิจช่วยเหลือตามแต่คนจะร้องขอและคราวนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับภารกิจใหญ่
เมื่อมีกอร์ นักเชือดเทพเจ้า (รับบทโดย คริสเตียน เบล) ออกล่าชีวิตเทพเจ้าไปทุกที่ ทำให้เขาต้องหาทางเอาชนะกอร์ให้ได้และในขณะเดียวกันหัวใจของธอร์ก็ต้องสั่นไหวเหมือนโดนสายฟ้าฟาด เมื่อเจน (รับบทโดย นาตาลี พอร์ทแมน) แฟนเก่าที่หายไปจากชีวิตเขาถึง แปดปี เจ็ดเดือน กับหกวัน กลับเข้ามาในชีวิตในฐานะไมตี้ธอร์ พร้อมกับควงโยเนียร์ค้อนเก่าของเขากลับมาด้วย คราวนี้ถ่านไฟเก่าจะร้อนรอวันรื้อฟื้นหรือไม่ต้องมาดูกัน
เรื่องย่อ Thor Love and Thunder
เรื่องราวเล่าถึงหลัง Avanger : End Game ธอร์ ผจญภัยในอวกาศร่วมกับ สตาร์ลอร์ด และแก๊งค์
Thor Love and Thunder เรื่องย่อ เปิดเรื่องมาด้วยซีนอารมณ์ ให้เราได้เข้าใจความรู้สึกของ กอร์ ผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทวยเทพ(คริสเตียน เบล) ที่ถูกพรากลูกสาวด้วยความ ทุกข์ยากและถูกทิ้งอย่างไม่แยแส จากเทพที่เขาศรัทธา เพราะความบอบช้ำ เจ็บแค้น เขาจึงถูกดาบ เนโครซอร์ด ครอบงำ
ให้แก้แค้น ฆ่าล้างบางเหล่าทวยเทพ หลังฆ่าเทพองค์แรกสำเร็จ เขาจึงเดินทางไปเรื่อย จนไปถึง นิว แอสการ์ด หมุดหมายสำคัญคือ การไปถึงอีเธอร์นิตี้ สถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของจักรวาล ที่ให้พรตามผู้ที่ขอ และแน่นอนว่าถ้ากอร์ไปถึงได้ เหล่าทวยเทพถึงวันสูญสิ้นแน่!
ทำให้ธอร์ วัลคีรี คอร์กและเจน ฟรอสเตอร์ ในบทบาทใหม่ ไมตี้ ธอร์(นาตาลี พอร์ตแมน) ต้องร่วมแรงกันเพื่อหยุดยั้ง กอร์ให้ได้
งานนี้ความสนุก บู๊แอ็คชั่นสไตล์ธอร์จึงบังเกิดแม้ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคละความรักก็ตาม! ต้องรอติดตามว่าถ่านไฟเก่าจะลุกโชติช่วงกลับมาติดอีกครั้งหรือเปล่า?
เรื่องราวทรงพลัง เพราะฝีมือของเหล่านักแสดง
อย่างที่กล่าวไว้ว่าความพอใจในตัวเองของ Thor นั้นกินง่ายและไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับภาคแยกอื่นๆ ของ MCU แต่เพื่อให้หนังดูทรงพลังและไม่ว่างเปล่า คุณต้องชื่นชมการแสดงของ Christian Bale ที่กำจัดตัวเอกของ Bat ได้อย่างสมบูรณ์ การเล่นแบบไม่ห่วงสื่อถึงความเจ็บปวดและความเคียดแค้นได้ทรงพลังผ่านการแต่งหน้าของหนังริ้วรอย แถมบทของ Natalie Portman ในฉากอารมณ์ก็ไม่เยอะแต่ระเบิดทุกครั้ง! ให้เราเชื่อและอินไปกับตัวละคร กลายเป็นว่าหนัง Thor เรื่องนี้ไม่เบา
ประเด็นที่น่าสนใจในภาพยนต์เรื่องนี้
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือตัวละครกอร์ ผู้มีความแค้นกับเทพเจ้าที่เพิกเฉยต่อคำร้องขอและเยาะหยันสาวกของเขาจนเกิดเป็นภารกิจการสังหารเทพเจ้าครั้งใหญ่ ก็ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในสหรัฐที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง การที่กอร์นั้นไม่ได้เป็นบ้า แต่ทำทุกอย่างเพราะความปราถนาที่จะแก้แค้นของเขาซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ที่ถูกดาบเนโครซอร์เลือกและได้รับพลังจากมัน
ก็ชวนให้นึกถึงการที่นักวิชาการหลายคนได้ออกมาพูดถึงการที่การสังหารหมู่นั้นไม่ได้เกิดจากการที่ฆาตกรนั้นวิกลจริตแต่พวกเขามีสติสัมปชัญญะและการวางแผนอย่างรอบคอบ แต่แน่นอนว่าสถานการณ์ที่อยู่รอบตัวเขานั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุทีทำให้เกิดความคิดทำจะทำแบบนั้นได้ บทความจาก ABC เผยว่าหลังการระบาดของโควิด-19 ความถี่ของเหตุการณ์กราดยิงนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะสถานการณ์เพิ่มความกดดันทางจิตใจและการเงิน ผ่านความกลัวความตาย ความโดดเดี่ยวทางสังคม ความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอน
ซึ่งอาจจะนำมีสู่การเพิ่มความถี่ของการก่อเหตุกราดยิงได้ ซึ่งก็ไม่ต่างกับสถานการณ์ที่กอร์เผชิญ ทั้งความยากแค้น ความตายที่มารออยู่ตรงหน้า และสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จากการเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเชื่อมโยงให้เห็นว่าต้นเหตุของโศกนาฏกรรมนั้นอาจจะมาจากการบริหารงานที่ย่ำแย่และความเพิกเฉยของผู้นำ ซึ่งเทียบได้กับเทพเจ้าที่บันดาลความเป็นไปของประชาชน ซึ่งทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้นั่นเอง
น่าเสียดายที่ส่วนดราม่าของเรื่องคู่ Gore ไม่ได้มีบทบาทมากนักในเรื่องนี้ความเจ็บป่วยของเจนคือ “หัวใจ” ของเรื่อง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่สำคัญมากนัก เมื่อเทียบกับน้ำ มันไม่ใช่เรื่องตลกและความบันเทิงทุกประเภท อย่างไรก็ตาม มีนักแสดงอย่าง นาตาลี พอร์ตแมน ที่อาศัยหมัดและขาเตะและคริสเตียน เบล ที่บทไม่เยอะ แต่ความหมายชัดเจนมาก คนดูเห็นบทชัดๆ ก็ยังดีมาก ยิ่งมีเนื้อน้อยยิ่งอร่อย
ทั้งสไตล์ที่ซับซ้อนของ Taika Waititi เพลงประกอบสุดเท่และ จังหวะตลกที่โดนใจผู้ชมราวกับผงชูรส และส่ง ธอร์: ด้วยรักและอัสนี ถ้าเปรียบเป็นอาหารก็เหมือนบะหมี่อีกชามที่ผู้ชมคุ้นเคยที่เคยกิน จนสุดท้ายก็ได้แต่รอชามต่อไป ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะได้ลองของใหม่หรือเปล่า
ข้อดีและฉากแอ็คชั่น
ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ แม้จะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็ช่วงจืดจางเหมือนกัน แถมเส้นเรื่องของภาคนี้ยังดูเรียบง่ายจนเกินไป แต่ว่าก็ปฏิเสธไม่ได้นี่เป็นหนึ่งในหนังเฟส 4 ของจักรวาล MCU ที่สุดยอดมากๆ พร้อมทั้งย้ำแนวทาง MCU ในอนาคตไว้อย่างดี
ในแง่ของฉากแอคชั่น พูดง่ายๆ ว่า “ไม่ผิดหวัง” ในพจนานุกรมมาร์เวล! เพราะมันสร้างการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจระหว่าง Thor และ Gore และฉากต่อสู้อื่น ๆ ที่กินเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่รายละเอียดและการออกแบบฉากสมควรได้รับความสนใจจากคุณ รวมถึงฉากเพิ่มพลังของ Thor เขาไปซะหมด แปลก แหวกแนว อลังการงานสร้างจนดูแล้วต้องร้องในใจ สุดยอดมากพี่
และบอกว่าแผนกนี้มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอตัวละครและอาวุธของพวกเขาในแง่ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Windbreaker ของ Thor, Jonnell Hammer Jane Foster ของเจ้าของคนใหม่ หรือสายฟ้าฟาดที่ไร้ความปรานีของ Zeus เรียกได้ว่าแต่ละคนต้องมนต์สะกดด้วยการโบกอาวุธ ฉันแทบจะไม่สามารถจ้องมองมันต่อไปได้
Thor: Love and Thunder วิเคราะห์
โดยรวมแล้ว ธอร์: ด้วยรักและอัสนี พากย์ไทย เป็นภาพยนตร์ที่สนุกสนานที่จะทำให้แฟนๆ Marvel พอใจ มันอาจจะสมบูรณ์แบบน้อยลงหรือน่าจดจำมากขึ้น แต่ก็ถือเป็นการขยายเรื่องราวชีวิตของธอร์ การผ่านเหตุการณ์ต่างๆ และการว่ายน้ำในอ่างนิดหน่อยต้องยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างได้ดีมาก และการเพิ่มความชัดเจนในตัวเองและเพิ่มความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครคือเสน่ห์หลักของหนังเรื่องนี้
ความเห็นสำหรับเนื้อเรื่องโดยรวม ค่อนข้างดูง่าย คลายเครียด เหมาะกับการฟื้นแผลใจจากความบอบช้ำใน Avengers: Endgame เป็นอย่างมาก เพราะเปิดเรื่องมาด้วยการเล่าภูมิหลังของธอร์ให้แบบเสร็จสรรพ ใครที่ไม่ใช่แฟนหนังธอร์ก็สามารถมาดูได้โดยแทบไม่ต้องตามดูภาคก่อนหน้า บวกกับเนื้อเรื่องมีการผูกปมของตัวร้ายตามสไตล์มาร์เวล ตบท้ายด้วยการคลายปมแบบเข้าใจง่าย ดูจบแบบอิ่มเอมใจ ไม่ต้องคอยปาดน้ำตา
ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือนาตาลี พอร์ตแมนกลับมาในบทเจน ฟอสเตอร์ในรูปแบบสามมิติใหม่ที่ลุ่มลึกกว่าเดิม และ หนังก็พร้อมที่จะให้เวลากับความรัก Thor และ Jane ไม่ว่าจะเป็นภาพก่อนหน้าหรือการสนทนาในปัจจุบัน ส่วนนี้ทำให้ธอร์ มีมิติที่ใหญ่ขึ้นในแง่ของความรัก ทำให้ธอร์น่าสนใจมากขึ้นจริงๆ
ส่วนตัวร้ายกอร์ ได้นักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง คริสเตียน เบล เรียกได้ว่าคุมทุกฉากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ผู้กำกับไม่ได้สนใจการเล่นของกอร์เท่าที่ควร เราจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก อาจจะเป็นธีมของหนังที่เฮฮาและมีสไตล์อยู่เสมอ ไม่เหมาะกับละครมากเกินไป