รีวิวหนัง Last Night in Soho คือภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ Edgar Wright เจ้าของผลงานสุดระห่ำอย่าง Hot Fuzz (2007) และ Baby Driver (2017) ที่ได้สองนักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง Thomasin McKenzie จากภาพยนตร์ Jojo Rabbit (2019) และ Anya Taylor-Joy จากซีรีส์ The Queen’s Gambit (2020) มารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังNetflix ภาพยนตร์จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวแห่งกาลเวลานำพาให้หญิงสาวดีไซเนอร์ช่างฝัน ไปพบกับเรื่องราวของสาวสวยคนหนึ่งในยุคอดีต ที่กลับกลายเป็นฉากฆาตกรรมสุดน่ากลัว ของผู้กำกับอันมีสไตล์จัดจ้านในการทำหนังแต่ละเรื่องอย่าง “เอ็ดการ์ ไรท์” ประสบความล้มเหลวบนบ็อกซ์ออฟฟิศ ทั้งที่หน้าหนังดูดีและมีการโปรโมตน่าสนใจ ไม่ต้องพูดถึงเนื้องานสร้างภายในที่น่าจะดีจัดแน่ๆ ดูหนังใหม่ คำวิจารณ์จากสื่อนอกก็ไม่ได้ย่ำแย่ มีแต่คำถามว่าทำไม..ไม่ทำเงิน พอได้ลองพิสูจน์กับตัวเองก็น่าจะพอรู้คำตอบได้บ้าง ถ้าหากผู้ชมคนไหนที่อยากรู้ว่าหนังเรื่องนี้ จะจบลงแบบไหนบทสรุปสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ? มาติดตามรับชมการแนะนำหนังไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ได้เลยค่ะ รีวิวซีรีส์ A Good Day To Be A Dog (2023)
รีวิวหนัง last night in soho เรื่องย่อ
หนังเรื่อง Last Night in Soho เริ่มด้วยเรื่องราวของ Eloise “Ellie” Turner (Thomasin McKenzie จาก Jojo Rabbit) สาวชนบทผู้อาศัยอยู่กับยาย (Rita Tushingham) โดยลำพัง เธอชื่นชอบยุค ’60 และใฝ่ฝันอยากเป็นดีไซเนอร์เช่นเดียวกับแม่ผู้ล่วงลับ เธอได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแฟชั่นในลอนดอน แต่ชีวิตวัยรุ่นในเมืองกรุงนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับเธอ
เธอไม่สามารถเข้ากับรูมเมทสาวไฮโซมันเกิร์ลได้ เธอจึงย้ายไปเช่าห้องอยู่ที่บ้านของหญิงชรา Ms Collins (Diana Rigg จาก Game of Thrones) ในย่านโซโห และตั้งแต่คืนแรกที่นั่น เธอฝันเห็น Sandie (Anya Taylor-Joy จาก The Queen’s Gambit) หญิงสาวสวยที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง แต่ฝันนั้น มันดูเรียลมากจนเสมือนเกม VR ที่เธอกำลังสวมบทบาทเป็น Sandie ที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุค ’60 นั้นจริง ๆ
Sandie กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ Ellie เปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งแต่ทรงผม สไตล์การแต่งตัว และการพูดจา แต่ต่อมา เธอทั้งสองก็ต้องเจอฝันสลายพร้อม ๆ กัน เมื่อ Jack (Matt Smith จาก The Crown) ชายที่เธอคิดว่าจะเป็นคนรักและผู้จัดการที่พาเธอไปถึงฝั่งฝัน กลับทำลายความฝันของหญิงสาว โดยการบังคับให้เธอขายตัวให้กับแขกในร้านทุกคืน ๆ
การดำเนินเรื่อง
รีวิวหนัง “Last Night in Soho ฝัน-หลอน-ที่โซโห” ด้วยดีไซน์หนังออกมาได้ชดช้อย ก็พลอยทำให้ขับพลังและเสน่ห์ของนักแสดงนำได้ดีด้วย “โธมาซิน แมคเคนซี่” เสน่ห์เหลือหลายอบอวลไปทั้งเรื่อง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากล้องรักที่จับภาพดาราสาวดาวรุ่งคนนี้มากๆ การแสดงของเธอที่อาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุดแต่ก็สามารถสะกดใจผู้ชมเอาไว้ได้อยู่หมัด และเมื่อได้ “อันย่า เทย์เลอร์ จอย” เข้ามาช่วยเสริมทัพ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเติมเสน่ห์ให้กับหนังขึ้นไปอีกแบบเต็มๆ ล้นๆ เลยทีเดียว
และเมื่อนำองค์ประกอบต่างๆ ทั้งงานสร้างดีๆ กับแคสติ้งนักแสดงที่น่าหลงใหลมาผนวกกัน จึงทำให้ Last Night in Soho เพลินอย่างน่าพิศวง ยิ่งผู้สร้างได้หยิบเอาการเล่าเรื่องสไตล์จัลโล (Giallo) หรือหนังแนวฮิตช์ค็อก (Hitchcock) เข้ามาเป็นกลิ่นเบาๆ ก็ยิ่งเสริมมิติให้กับตัวหนังขึ้นไปอีก และกลายเป็นโครงเรื่องที่ผู้ชมพยายามเดา แต่ยิ่งคาดเดาก็ยิ่งเหนื่อย เพราะนี่เป็นหนังที่คาดเดาทิศทางเรื่องได้ค่อนข้างอยู่
แต่คิดว่าสิ่งที่ Last Night in Soho ไม่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้นั้น ก็น่าจะเป็นเพราะการเล่าเรื่องที่ดูเหมาะกับเฉพาะกลุ่มไปสักหน่อย แม้ว่าหนังจะไม่ใช่หนังอินดี้และหนังที่ดูอยากเลยสักนิด แต่บทหนังก็อาจจะยังก่ำกึ่งอยู่ระหว่างหนังตลาดทั่วไปกับหนังเฉพาะกลุ่ม ยอมรับเลยว่าช่วงครึ่งแรกของหนังผู้ชมตราตรึงไปกับการตีโจทย์ของหนังและปูเรื่องได้ค่อนข้างน่าสนใจมาก
เพลงประกอบภาพยนตร์
ส่วนอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ลืมไม่ได้เลยในหนังเรื่องนี้ก็คือ เพลงประกอบ ที่อีกนิดเดียวหนังจะกลายเป็นมิวสิคัลแล้วเชียว ด้วยการหยิบเอาเพลงวินเทจติดหูจากยุค 60s มาใส่เอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง นี่จึงกลายเป็นอีกเสน่ห์ที่ทำให้หนังดูน่าหลงใหลเข้าไปอีก โดยเฉพาะเพลง “Downtown” ที่นำมาบันทึกและดีไซน์ใหม่ได้เข้ากับโทนหนังเป็นอย่างดี ผสมผสานความยั่วยวนและหลอนไปพร้อมๆ กัน ช่างจับใจเสียเหลือเกิน ดูหนัง Last Night in Soho พากย์ไทย
ก็คงจะบอกได้ว่านี่เป็นหนังที่ค่อนข้างดีใช้ได้ โดยเฉพาะในแง่คอนเซ็ปต์และงานสร้างที่ทำออกมาได้เป็นเอกลักษณ์และจัดจ้านถึงใจดี หากใครที่โปรดปรานการเสพงานภาพงามๆ และแสงสวยๆ น่าจะประทับใจหนังเรื่องได้เป็นอย่างดี
และอาจทำให้หลงรักหนังเรื่องนี้ได้เป็นแน่แท้ แต่ในแง่การเล่าเรื่องของหนังนั้น คิดว่ายังอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้แย่แต่ก็ยังไม่ได้ดีที่สุด มีจังหวะที่ทำให้ผู้ชมสนุก แต่ก็ยังมีความเวิ่นเว้อและไร้เหตุผลที่พอทำให้กรอกตามองบนได้อยู่ประปราย
รีวิวหนัง last night in soho องค์ประกอบต่างๆของภาพยนตร์เรื่องนี้
การที่หนังเลือกใช้องค์ประกอบของโลเคชั่นย่านโซโหในลอนดอน ผ่านการตัดสลับสถานที่ปัจจุบันกับอดีต ซึ่งแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านเลยไปแต่สถาปัตยกรรมเก่ายังคงเค้าโครงเดิมไว้ การเห็นนิมิตอดีตผ่านความฝันของเอลูอิสเอง
จึงคล้ายกับการหวนระลึกถึงซากความทรงจำอันเก่าก่อน ในฐานะที่ตัวละครอย่างเอลูอิสเองเป็นคนรุ่นใหม่ที่อาจจะเติบโตมากับบทเพลงที่คนรุ่นยายของเธอเปิดให้ฟัง จนตัวเธอมีความหลงใหลวัฒนธรรมป๊อปจากยุคสมัย 60 ก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานั้นอย่างแท้จริง
หลายครั้งหลายตอนที่เราได้เห็นเอลูอิสคุยโทรศัพท์กับคุณยายของเธอ โดยคุณยายของเธอนั้นออกอาการเป็นห่วงหลานที่มาอยู่ในเมืองใหญ่อย่างลอนดอน ยิ่งเมื่อยายรับรู้ว่าเอลูอิสทำงานอยู่ในผับเพื่อหารายได้พิเศษจ่ายค่าเช่าห้อง ยิ่งเกิดอาการเป็นห่วงหนักกว่าเดิม เพราะเธอรู้ดีว่าความเป็น “เมืองใหญ่” ก็มาพร้อมกับความอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเจริญเช่นกัน Last Night in Soho เต็มเรื่อง
ท้ายที่สุดแล้ว Last Night in Soho พูดถึงการมองย้อนกลับไปยังช่วงเวลาหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ ที่คนในเจนเนอเรชั่นหนึ่งเติบโตมาพร้อมๆกับความสุขและรอยแผลแห่งความทรงจำ ในขณะที่คนอีกเจนเนอเรชั่นหนึ่งมองแค่เพียงด้านอันแสนสวยงามของมัน (เพียงเพราะพวกเขายังไม่เคยรู้และสัมผัสด้านมืดของยุคดังกล่าว)
ไม่ต่างอะไรจากคนยุคนี้ที่อะไรอะไรก็โหยหาความเป็น 90s ทั้งที่พวกเขายังแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่า ระหว่างศิลปินในยุค 2000s ต้นๆ นั้นไม่ใช่ยุคสมัยของปี 90s ! แต่ก็เหมารวมๆไป เพียงเพราะเขาโหยหาอดีตกันแต่ไม่ได้เข้าใจมันจริงๆซะเลย
บทสรุปโดยรวมภาพยนตร์
โดยภาพรวมแล้ว Last Night in Soho คงจะเป็นที่มีความหลากหลายใน Genre เป็นอย่างมาก หนังแทบจะตีแตกได้เป็นทุกแนวหนังที่มีบรรจุอยู่ในสากลโลกนี้ จะเป็นหนังระทึกขวัญจิตวิทยาก็ได้ แต่ยังมีความโรแมนซ์ดราม่าแฝงเอาไว้ในตัว ทั้งยังผสมความลึกลับสืบสวนและกลิ่นเคล้าความแฟนตาซีเอาไว้ในหลายอณู นี่จึงกลายเป็นหนังที่กินเรียบได้ทุกแนว กับงานสร้างที่ถึงกึ๋นและเต็มไปด้วยไอเดียที่เจิดจรัส รีวิว Last Night In Soho (2023)
นอกจากพล็อตเรื่องที่ล้ำเกินคาคเดาแล้ว อีกสิ่งที่ทำได้ยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ก็คือทับนักแสดงนั้นเอง ที่นำโดย อันย่า เทย์เลอร์-จอย และ โธมาซิน ฮาร์คอร์ท แมคเคน ที่ต้องตบมือให้เลยนอกจากความสวยน่ารักของอันย่า เทย์เลอร์-จอย ที่ดูมีเสน่ห์แล้ว ตัวของ โธมาซิน ฮาร์คอร์ท แมคเคน ก็น่าดึงดูดมากเช่นกันค่ะ
- ชื่อภาษาอังกฤษ : last night in soho
- ชื่อภาษาไทย : ฝันหลอนที่โซโห
- เรื่องโดย : คุณเอ็ดการ์ ไรท์
- กำกับโดย : คุณเอ็ดการ์ ไรท์
- ทีมผู้สร้าง : Film4 Productions , Perfect World Pictures , Working Title Films , Complete Fiction Pictures
- แนว : จิตวิทยา ระทึกขวัญ
- ความยาว : 1 ชม. 56 นาที
- รับชมได้ทาง : Netflix มีทั้งซับไทยและพากย์ไทย
สรุปรีวิวเนื้อหาซีรีส์โดยรวม
เนื้อหาของซีรีส์ A Good Day to Be a Dog จะเน้นถ่ายทำในโรงเรียนเป็นหลักค่ะเพราะตัวละครหลักทั้งหมดเป็นครูกันหมดเลย ดังนั้นเราจะเห็นฉากการเรียนการสอนและการเสียสละของเหล่าคุณครูอยู่บ่อยครั้ง ผู้เขียนชอบฉากที่ฮันแฮนาต้องไปเป็นผู้ปกครองให้กับชเวยุลที่สถานีตำรวจมาก ๆ เพราะบางครั้งเมื่อเด็ก ๆ มีปัญหาพวกเขาจะไม่ค่อยกล้าบอกครอบครัว
ครูเลยเป็นทางเลือกเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้และเห็นชัดเลยว่าฮันแฮนาเป็นครูที่ดี เธอจะไม่พูดกับเด็กด้วยถ้อยคำรุนแรงแต่จะพูดด้วยเหตุผลเท่านั้น นอกจากฮันแฮนาแล้วเราจะเห็นว่าคุณครูคนอื่น ๆ ก็พยายามที่จะเอาใจใส่เด็ก ๆ เหมือนกันเป็นพล็อตเรื่องที่ดีมากเลย ซีรีย์ใหม่ 2023 A good day to be a dog
นอกจากซีรีส์จะนำเสนอเรื่องราวความรักของคู่รักหญิงสาวและเรื่องราวของโรงเรียนแล้ว ในเรื่องนี้ ยังมีการนำเสนอเรื่องราวของน้องหมาอีกด้วย บอกเลยว่าในเรื่องมีน้องหมาน่ารักมากมาย ผู้เขียนชอบร่างของนางเอก ตอนที่เป็นน้องหมามากๆเพราะดูน่ารักและน่าเอ็นดูที่สุด ว่ากันว่าชาอึนอูไปไกลถึงขั้นกินขนมของน้องหมาเพื่อให้น้องหมาจูบเขา
แหมมม เขาทุ่มเทจริงๆเลยนะคะเนี่ย ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างชอบซีรีย์ที่มีเรื่องน้องหมามากๆ เพราะน่ารักและสามารถดูได้ โดยไม่รู้สึกเบื่อเลยค่ะ นอกจากนี้ยังทำให้เราตระหนักว่าจริงๆ แล้วว่าน้องหมามีอายุขัยสั้น เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเกิดโรคต่างๆ มากมาย และเราต้องดูแลด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อนๆคนไหนที่ชอบซีรีส์ที่มีน้องหมาห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ