รีวิว กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน
หนังDiseny สำหรับคนรักหนังบู๊อย่างผม ผมคิดว่า ณ ตอนนี้ นี่คือหนังแอ็คชั่นในดวงใจผมเลยแหละ เป็นหนังแอ็คชั่นที่แหวกแนว ไม่มีเหมือนคนอื่น ซึ่งก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ใครหลายๆคนรัก จักรวาล king man หนัง The Kings Man หรือชื่อไทยว่า กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน เมื่อโลกต้องพบกับมหาวายร้ายที่หมายจะล้างบางมวลมนุษย์ บุรุษหนึ่งคนพร้อมลูกชายของเขาจะต้องร่วมมือกันปกป้องโลกให้ทันเวลาอย่างมีสไตล์ เตรียมค้นพบจุดเริ่มต้นขององค์กรโคตรพยัคฆ์ใน The King’s Man กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน กำกับโดยแมทธิว วอห์น (ผู้กำกับคิงส์แมนทั้ง 2 ภาคก่อนหน้า) นักแสดงหลักทั้งหมด Ralph Fiennes, Stanley Tucci, Rhys Ifans, Daniel Bruhl, Matthew Goode, Harris Dickinson, Aaron Taylor-Johnson, Gemma Arterton, Tom Hollander, Robert Aramayo, Djimon Hounsou, และ Charles Dance ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
ส ปอย หนัง ภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนคิงส์แมน ซึ่งเขียนโดย เดฟ กิบเบินส์ และมาร์ก มิลลาร์ ที่ถูกนำมาทำแล้วด้วยกันถึง 2 ภาค โดยภาคล่าสุดนี้เป็นภาคที่ 3 ที่ใครหลายคนตั้งตารอคอย เพราะภาคนี้จะเป็นการเล่าถึงว่ากว่าจะมาเป็นองค์กรโคตรพยัคฆ์นี้
มีที่มาอย่างไรบ้างสำหรับภาคล่าสุดนี้อย่าง “The King’s Man กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน” เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกซีนอารมณ์ที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครหลัก ‘Duke of Oxford’ นำแสดงโดย Ralph Fiennes หรือที่เรารู้จักกันในนามของผู้ก่อตั้งคิงส์แมน ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน
รีวิว กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน The King’s Man มีความจริงจังมากขึ้นกว่าสองภาคแรก โดยการพยายามผูกเรื่องราวสมมตินี้เข้ากับเรื่องจริงและบุคคลจริงในประวัติศาสตร์โลก ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือช่วงที่สถาบันกษัตริย์ของสองประเทศใหญ่ต้องล่มสลาย
ซึ่งตรงนี้เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของหนังในเวลาเดียวกัน เพราะความจริงจังทำให้ลูกเล่นและความกวนตีนที่เป็นเสน่ห์ของหนังสองภาคแรกมันหายไป ยังไม่รวมที่หนังมี subplots และปมเยอะแยะจนจัดการได้ไม่ดีนั่นก็อีกเรื่องเราชอบ Kingsman ทั้งสองภาคมาก ๆ
และทุกวันนี้ยังเฝ้าคอย Kingsman 3 ซึ่งยังไม่มาสักที แต่ Matthew Vaughn (ผู้กำกับของแฟรนไชส์) ก็พาเราย้อนอดีตไปร้อยปี ไปดูต้นกำเนิดขององค์กรสายลับ Kingsman กับ The King’s Man ซึ่งจะเป็น prequel ที่ใช้ทีมนักแสดงคนละชุดและโทนหนังคนละโทน
สังเกตว่าชื่อหนังสะกดไม่เหมือนสองภาคแรก)หนังเริ่มเรื่องด้วยการแนะนำคนสำคัญในคฤหาสน์ Oxford ตั้งแต่ Duke Orlando (Ralph Fiennes หรือคนที่คุณก็รู้ว่าใครจาก Harry Potter) และลูกชายของเขา Conrad (Harris Dickinson หรือเจ้าชายจาก Maleficent)
รวมถึงข้าราชบริพารคนสนิท อย่างคนขับรถ Shola (Djimon Hounsou จาก Guardians of the Galaxy) และแม่บ้าน Polly (Gemma Arterton จาก Prince of Persia)โดยตระกูล Oxford เป็นชนชั้นสูง มีความสนิทชิดเชื้อกับ King George V แห่งอังกฤษ และ Oxfords ต้องช่วยคิงป้องกันไม่ให้อังกฤษเกิดสงครามกับผู้นำประเทศลูกพี่ลูกน้อง ได้แก่ Kaiser Wilhelm และ Tsar Nicholas กษัตริย์องค์สุดท้ายของเยอรมันและรัสเซียตามลำดับ (Tom Hollander จาก Pride & Prejudice คนเดียว เล่นเป็นกษัตริย์ทั้งสามประเทศ) ส่งให้สองพ่อลูกได้ไปทำภารกิจและปะทะกับ Rasputin ผู้โด่งดัง (Rhys Ifans จาก Spider-Man) นอกจากนี้ หนังยังมีอิงถึง Lenin กับ Hitler อีกด้วย
เรื่องย่อ/เนื้อหา
เรื่องมันเริ่มจากสมัย กษัตริย์อังกฤษ ยังเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 5 (รับบทโดย Tom Hollander) สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 Conrad Oxford (รับบทโดย Harris Dickinson) สูญเสียแม่ไประหว่างไปเยี่ยมแคมป์ในสนามรบ แต่ไม่ได้เกรงกลัวต่อการไปสู้รบในแดนหน้าซึ่งเป็นความฝันของเขา แต่ถูกพ่อ Orlando Oxford (รับบทโดย Ralph Fiennes) ห้ามไว้เสมอเพราะไม่อยากให้เกิดอันตรายต่อลูกเพราะรู้ว่าสงครามมันน่ากลัวขนาดไหน
แต่ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าของ คอนราด จึงทำให้ Orlando ดยุคแห่งอ็อกฟอร์ด ยอมเปิดเผยความลับถึงคลับแห่งความลับที่คอยแก้ไขปัญหาแก่ชาติบ้านเมืองอยู่ลับ ๆ และภารกิจแรกของ คอนราด ก็คือการต้องไปสังหาร นักบวชรัสเซียมักมากในกามอย่าง รัสปูติน (รับบทโดย Rhys Ifans) ผู้ชักใยบงการครอบงำความคิดอยู่ Nicholas II of Russia และหลังจบภารกิจ คอนราดก็ได้อาสาเข้ารบในแนวหน้าของสงคราม
ความรู้สึกหลังรับชม
เนื้อเรื่องนั้นอิงจากเหตุการณ์โลกครั้งสำคัญ ‘สงครามโลกครั้งที่ 1’ ที่แก๊งของ Duke of Oxford เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อช่วยประเทศจากสงครามในครั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้นึกถึงหนังสงครามอย่าง 1917 ที่มีฉากวิ่งในสงครามคล้าย ๆ กัน กลิ่นอายของหนังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำได้ดีมาก ๆ
ในหนังเรื่องคิงส์แมนที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสายลับเพียงอย่างเดียวอีกเรื่องหนึ่งที่ถือเป็นข้อดีของหนัง คือภาพ เสียง มูดโทน ที่คนรัก เกาะบริแตนหรือประเทศอังกฤษอย่างผมต้องถูกใจมาก ๆ เพราะบรรยากาศทำให้เห็นวัฒนธรรมและประเพณีของชาวอังกฤษเลยล่ะครับ มีหลายส่วนในหนังที่ทำให้ผมคิดถึงหนังดังจากวรรณกรรมอย่าง Harry Potter ด้วยความที่เป็นบริทิชเหมือนกัน และมีนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนั้นด้วย
รีวิว กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน
รีวิว กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน หลังจากที่ผู้กำกับอย่าง ‘แมทธิว วอห์น’ (Matthew Vaughn) ได้พาเราไปรู้จัก ‘คิงส์แมน’ (Kingsman) หน่วยสืบราชการลับสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบที่ไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานใด ๆ มีสำนักงานที่แอบซ่อนไว้ภายใต้ร้านตัดสูท ณ ถนนซาวิลล์ โรว์ (Savile Row) ประเทศอังกฤษมาแล้วถึง 2 ภาค ทั้ง ‘Kingsman: The Secret Service’ (2015) ที่เน้นความหล่อเท่ และ ‘Kingsman: The Golden Circle’ (2017) ที่แหวกแนวและเปี่ยมลูกบ้าจะว่าไปแล้ว
ไม่ใช่แค่หนังมีโทนที่แตกต่างจากสองภาคแรก แต่ละองก์ของหนังเรื่องนี้ก็แทบจะเหมือนหนังคนละเรื่องในตัวมันเองเสียด้วยซ้ำ กล่าวคือ มันมีปมอีกอย่างว่า สองพ่อลูก Oxford มีปัญหากันเรื่องอุดมการณ์ ลูกชายอยากไปรบเพื่อชาติ แต่พ่อยืนกรานไม่ให้ไป ซึ่งพ่อทำได้ซะด้วย เพราะมีอำนาจและเส้นสายศักดินา ทั้งสองก็ยื้อกันอยู่นาน
จนในที่สุดลูกก็หนีไปเกณฑ์ทหารจนได้ ทำให้ช่วงกลางของหนังเหมือนเป็นเรื่อง 1917, Hacksaw Ridge, หรือหนังสงครามโลกใดใดพอองก์สุดท้าย Orlando Oxford ก็นำทีมบินไปเขาสูงอันเป็นแหล่งกบดานของตัวร้ายหลักของเรื่อง เพื่อไปทำภารกิจสำคัญเกี่ยวกับประธานาธิบดี Wilson ของอเมริกา โดยโทนหนังช่วงนี้จะออกเป็น Mission Impossible แต่ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเท่าภาคแรก
บทสรุป
บทสรุปของการก่อตั้งองค์กร Kingsman ที่โลกรู้จักกันแล้วในที่สุดข้อเสียของกรอบเนื้อเรื่องแบบนี้มัน ไม่ได้หนักหน่วงหรือชวนแก้ไขปัญหาไปด้วยมากเท่าไหร่เพราะมันมีโครงทางประวัติศาสตร์ที่หนังต้องการจะเล่นล้อไปกับมัน ทำให้หนังมันอาจจะไม่ได้ลุ้นระทึกอะไรตลอดเวลาด้วยความพยายามที่จะเป็นหลายสิ่งมากเกินไป
พร้อมกับสอดแทรกประเด็นความเท่าเทียมอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ จึงทำให้หนังไม่กลมกล่อม ไม่สมูธ และไม่อิมแพคต่ออารมณ์คนดูเท่าที่ควร ฉากแอ็คชั่นไม่ได้แย่ แต่ไม่น่าจดจำเท่าภาคก่อน ๆ ถ้าไม่มีภาคก่อน ๆ มาให้เปรียบเทียบ ก็อาจจะรู้สึกสนุกก็ได้ แต่ว่ามันไม่ใช่ มันเลยลงเอยที่ความรู้สึกว่า “Prequel เนี่ย ไม่ต้องมีก็ได้” แต่ถ้าชอบแฟรนไชส์นี้อยู่แล้ว หรือชอบความบริติช มันก็เหมือนไฟลท์บังคับว่าต้องดู อะไรทำนองนั้น