รีวิว คิมิ (Kimi)
เมื่อมหันตภัยร้ายทางไซเบอร์ได้ถูกค้นพบโดย คิมิ พนักงานไอทีที่พบ หนังNetflix แผนการสมรู้ร่วมคิดที่เป็นปัญหาร้ายแรงระดับชาติด้วยความพยายามนำหลักฐานที่ได้ตีแพร่สู่โลกและมองหาความยุติธรรม ถึงจึงถูกคัดขวางจากกลุ่มอาชญากรรม แต่ด้วยความพยายามที่น่ากลัว คิมิ จึงต้องหาทางจัดการปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวของเธอเอง หนังเรื่องนี้ตัวนางเอกคือ โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman โดยเธอรับบท เซลินา ไคล์ หรือแคทวูแมน ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวทุนต่ำลงสตรีมมิ่งโดยเฉพาะจึงเน้นขายชื่อของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก กับเธอที่เป็นตัว เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
เอกของเรื่องราวนี้แบบเล่นคนเดียวออกทุกฉากยาวไปจนจบ โดยบทบาทของเธอคือ “แองเจล่า” สาวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกไปไหน ด้วยความที่เป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์ในอดีต เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้งานของลูกค้าจากอุปกรณ์รับเสียงสั่งงานที่ชื่อ คิมิ แบบเดียวกับ SIRI หรืออเล็กซ่า แต่ต่างกันตรงที่คิมิใช้การปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของการสั่งงานด้วยคนล้วนๆ ไม่ใช่ AI. ซึ่งเธอก็คือคนที่รับหน้าที่นั้น ซึ่งต้องฟังเสียงที่
ส่งมาแก้เป็นเคสๆ ไป แต่เธอก็ได้พบกับเคสหนึ่งที่เป็นเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ เธอจึงส่งปัญหาที่พบให้กับบริษัท แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทไม่ตอบสนองต่อปัญหานี้สักเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นภัยร้ายย้อนกลับมาหาตัว ตัวหนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาที (รวมเครดิต) แต่ใช้เวลาในการปูเรื่องราวของตัวนางเอกผ่านชีวิตประจำวันยาวกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงแรกนี้เองที่เป็นปัญหาว่าผู้ชมอาจจะงงๆ ว่าพ้อยท์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร เพราะแม้จะใช้คิมิในการสั่งทำนั่น
ของนางเอก ร่วมกับกิจวัตรการแก้ไขงานเสียงของเธอ แต่หนังก็ไม่ได้สื่ออะไรให้ผู้ชมได้เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมคิมิสำคัญอะไรขนาดนั้น ซึ่งกิจวัตรของเธอในบ้านก็ออกกำลังกาย ส่องหนุ่มตึกตรงข้าม ชวนมามี SEX ด้วยกัน เนื่องจากช่วงเวลาในเรื่องคือโควิด 19 ระบาดมีการกักตัวด้วย ตัวหนังจึงเน้นว่านางเอกเลยไม่ออกไปไหนทั้งสิ้น ทุกอย่างทำผ่านหน้าคอมทั้งหมด แม้แต่ปวดฟันก็ไม่ไปหาหมอ มีปรึกษาจิตแพทย์ถึงอาการไม่กล้าออกจากบ้านนิดหน่อย แต่โดยรวมเราก็เหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่มองดูเธอทำกิจวัตรประจำวันไปเรื่อยเปื่อยนานมากจนแอบน่าเบื่ออยู่พอสมควร
KIMI หนังใหม่ HBO จากงานสร้างของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก นำแสดงโดย โซอี้ คราวิทซ์ เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ทำงานปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมรับเสียงสั่งงานจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า “คิมิ” (มาจากภาษาญี่ปุ่น キミ แปลว่า เธอ) แต่เธอได้รับฟังเสียงขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวที่ตกอยู่ในอันตราย ก่อนจะตามสืบหาความจริงเบื้องหลังอาชญากรรมที่เกิดขึ้น หนังเรื่องนี้ตัวนางเอกคือ โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman โดยเธอรับบท เซลินา ไคล์ หรือแคทวูแมน ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวทุนต่ำลงสตรีมมิ่งโดยเฉพาะจึงเน้นขายชื่อของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก กับเธอที่เป็นตัว
เอกของเรื่องราวนี้แบบเล่นคนเดียวออกทุกฉากยาวไปจนจบ โดยบทบาทของเธอคือ “แองเจล่า” สาวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกไปไหน ด้วยความที่เป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์ในอดีต เธอมีหน้าที่รับผิดชอบ แก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้งานของลูกค้าจากอุปกรณ์รับเสียงสั่งงานที่ชื่อ คิมิ แบบเดียวกับ SIRI หรืออเล็กซ่า แต่ต่างกันตรงที่คิมิใช้การปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของการสั่งงานด้วยคนล้วนๆ ไม่ใช่ AI. ซึ่งเธอก็คือคนที่รับหน้าที่นั้น ซึ่งต้องฟังเสียงที่
ส่งมาแก้เป็นเคสๆ ไป แต่เธอก็ได้พบกับเคสหนึ่งที่เป็นเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ เธอจึงส่งปัญหาที่พบให้กับบริษัท แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทไม่ตอบสนองต่อปัญหานี้สักเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นภัยร้ายย้อนกลับมาหาตัว
เรื่องย่อ รีวิว คิมิ (Kimi)
ตัวหนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาที (รวมเครดิต) แต่ใช้เวลาในการปูเรื่องราวของตัวนางเอกผ่านชีวิตประจำวันยาวกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงแรกนี้เองที่เป็นปัญหาว่าผู้ชมอาจจะงงๆ ว่าพ้อยท์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร เพราะแม้จะใช้คิมิในการสั่งทำนั่น ของนางเอก ร่วมกับกิจวัตรการแก้ไขงานเสียงของเธอ แต่หนังก็ไม่ได้สื่ออะไรให้ผู้ชมได้เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมคิมิสำคัญอะไรขนาดนั้น ซึ่งกิจวัตรของเธอในบ้านก็ออกกำลังกาย ส่องหนุ่มตึกตรงข้าม ชวนมามี SEX ด้วยกัน เนื่องจากช่วงเวลาในเรื่องคือโค หนังฟรี หนังใหม่
วิด 19 ระบาดมีการกักตัวด้วย ตัวหนังจึงเน้นว่านางเอกเลยไม่ออกไปไหนทั้งสิ้น ทุกอย่างทำผ่านหน้าคอมทั้งหมด แม้แต่ปวดฟันก็ไม่ไปหาหมอ มีปรึกษาจิตแพทย์ถึงอาการไม่กล้าออกจากบ้านนิดหน่อย แต่โดยรวมเราก็เหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่มองดูเธอทำกิจวัตรประจำวันไปเรื่อยเปื่อยนานมากจนแอบน่าเบื่ออยู่พอสมควร หลังตัวเรื่องปูอะไรมากมายให้คนดูพอเข้าใจแบ็คกราวด์ชีวิตของนางเอกแล้วถึงเริ่มเข้าเรื่องสืบสวนคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวหนังก็พาให้เธอหลุดออกไปนอกห้องได้สักที ซึ่งหลังจากนี้เองตัวเรื่องถึงเริ่มมีความสนุก เมื่อเธอพยายามหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งความ
จริงที่เกิดขึ้น แต่แล้วอะไรๆ ที่เธอไปเกี่ยวข้องติดต่อกลับกลายเป็นอันตรายทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่เธอทำงานอยู่ด้วยก็มีความผิดปกติน่าสงสัย ตัวหนังเล่นสนุกกับการที่นางเอกต้องออกมาข้างนอกในสภาพจิตใจไม่ปกติ มีการใช้ภาพสั่นๆ เร่งสปีด จนดูหลอนๆ ชวนให้ผู้ชมคิดอีกมุมว่า หรือว่าสิ่งที่เธอเห็นจะเป็นอาการทางจิต? ก่อนที่ช่วงท้ายจะเปิดโอกาสให้ใช้คิมิในการกู้วิกฤติ และก็ดึงเอากิจวัตรในช่วงแรกกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ตามมาด้วยฉากบู๊เล็กๆ แต่สะใจพอสมควร ซึ่งแทบทั้งหมดนี้
คือตัว โซอี้ คราวิทซ์ แทบจะฉายเดี่ยวออกหมดทุกซีนตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว ซึ่งนางเอาอยู่จริงๆ อีกทั้งความสวยแปลกจากรูปร่างหน้าตา รวมถึงคาแรกเตอร์สาวโปรแกรมเมอร์ผมฟ้าก็ส่งให้ตัวละครนี้โดดเด่นมากด้วย ตัวเรื่องพยายามขายประเด็นภัยร้ายจากเทคโนโลยีเป็นหลัก โดยมีเบื้องหลังแรงจูงใจมาจากความเลวร้ายของมนุษย์เองที่ผลักดันให้เกิดสิ่งเลวร้ายนั้นขึ้น ซึ่งก็อาจจะดูน่าสนใจดี แต่เรื่องราวในหนังไม่ได้ลึกหรือมีรายละเอียดพอกับจุดนี้สักเท่าไหร่ ปม
ในเรื่องถูกเล่าออกสั้นๆ ตอนต้น กับคั่นบางฉากแบบผู้ชมต้องคิดตามปะติดปะต่อเรื่องเอาเอง ซึ่งถ้าดูไม่เข้าใจก็อาจจะงงกับตอนจบไปเลยได้เหมือนกัน และเอาจริงๆ ผมในเรื่องก็ดูเว่อร์เกินไปด้วย เหมาะกับสเกลหนังทุนสูงกกว่านี้ พออยู่ในสเกลทุนต่ำมันเลยออกมาไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่ ถือเป็นจุดกังขาของเรื่องในตอนท้ายมากพอสมควรเลย KIMI เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าแองเจล่า เธอนั้นเป็นโปรแกรมเมอร์ทำให้เธอมักจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการใช้ชีวิตเธอต่างก็หมกอยู่ภายในห้องเนื่องจากเธอเป็นโรคกลัว
การออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในอดีตและกลายเป็นปมฝังอยู่ในใจของเธอ หน้าที่ในการทำงานของเธอคือการรับผิดชอบและแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้บริการของลูกค้า ซึ่งสินค้าของบริษัทเธอคืออุปกรณ์ที่สามารถสั่งงานผ่านเสียงได้ชื่อว่าคิมิ ลักษณะการทำงานของมันจะคล้ายกับ SIRI หรืออเล็กซ่าที่เราใช้กันในปัจจุบัน ความแตกต่างก็คืออุปกรณ์ดังกล่าวต้องใช้คนในการสั่งงาน และ ปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด ไม่ได้มีการใช้ระบบ AI แต่อย่างใด และ นี่ก็คือหน้าที่ของแองเจล่า เธอนั้นต้องคอยรับฟังเสียงที่ส่งเข้ามาแก้ไขเป็นรายๆ ไป ทุกอย่างปกติดีจนกระทั่งในวันหนึ่งเธอ
ได้พบเข้ากับผู้ใช้รายหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิง เธอได้ร้องขอความช่วยเหลือด้วยข้อความแบบสั้นๆ ด้วยเหตุนี้เธอจึงส่งปัญหาไปยังบริษัท แต่บริษัทกลับไม่ได้ใส่ใจกับปัญหานี้สักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องพยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงปริศนาให้สำเร็จว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในครั้งนี้จะกลายเป็นการดึงความอันตรายเข้าหาตัวเอง
เป็นหนังทุนต่ำที่ทำมาลงสตรีมมิ่งแก้ขัดช่วงโควิดที่ทำได้ดีพอประมาณ อาศัยขายชื่อผู้กำกับนางเอกเป็นตัวหลัก ช่วงแรกอาจจะน่าเบื่อหน่อย แต่พอครึ่งหลังช่วงท้ายทำออกมาสนุกใช้ได้เลย แต่ก็เป็นเรื่องราวจบง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นัก หนังเรื่องนี้ตัวนางเอกคือ โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman โดยเธอรับบท เซลินา ไคล์ หรือแคทวูแมน ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวทุนต่ำลงสตรีมมิ่งโดยเฉพาะจึงเน้นขายชื่อของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก กับเธอที่เป็นตัว
เอกของเรื่องราวนี้แบบเล่นคนเดียวออกทุกฉากยาวไปจนจบ โดยบทบาทของเธอคือ “แองเจล่า” สาวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกไปไหน ด้วยความที่เป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์ในอดีต เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้งานของลูกค้าจากอุปกรณ์รับเสียงสั่งงานที่ชื่อ คิมิ แบบเดียวกับ SIRI หรืออเล็กซ่า แต่ต่างกันตรงที่คิมิใช้การปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของการสั่งงานด้วยคนล้วนๆ ไม่ใช่ AI. ซึ่งเธอก็คือคนที่รับหน้าที่นั้น ซึ่งต้องฟังเสียงที่
ส่งมาแก้เป็นเคสๆ ไป แต่เธอก็ได้พบกับเคสหนึ่งที่เป็นเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ เธอจึงส่งปัญหาที่พบให้กับบริษัท แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทไม่ตอบสนองต่อปัญหานี้สักเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นภัยร้ายย้อนกลับมาหาตัว
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง
KIMI เป็นภาพยนตร์ความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาทีที่ในช่วงแรกเล่าถึงเรื่องราวของนางเอกผ่านชีวิตประจำวันของเธอไปเกือบจะทั้งหมดแล้ว มันเลยค่อนข้างยากสำหรับผู้รับชมที่จะตัดสินว่าสรุปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะเล่าถึงอะไรกันแน่ และ การ พาเราไปดูชีวิตประจำวันของคนที่อยู่แต่ในห้องก็ต้องยอมรับว่ามันน่าเบื่อไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากนั้นภาพยนตร์ถึงจะพาเราเข้าสู่การสืบสวนสอบสวนที่สุดท้ายแล้วนางเอกผู้กลัวการออกจากห้องก็สามารถออกจากห้องได้เป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่จุดนี้เป็น ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
ต้นไปเราถึงจะได้สัมผัสกับความสนุกของภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เธอนั้นต้องตามหาข้อมูลเพื่อให้ทราบความจริง แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เธอพยายามสืบค้นกลับเต็มไปด้วยความอันตราย และ มีความน่าสงสัยไม่เว้นแม้แต่บริษัทของเธอเองก็ตาม ด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำที่ถูกสร้างออกมาเพื่อคั่นเวลาเท่านั้นดังนั้นมันจึงไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เราสามารถฝากความหวังอะไรเอาไว้ได้มากมาย มีการพูดถึงภัยเทคโนโลยีก็จริงแต่กลับพูดถึงเทคโนโลยีเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นทำให้ค่อนข้าง
น่าเสียดายเลยทีเดียวที่ไม่สามารถขยี้ปมนี้ให้ดีพอได้ บทค่อนข้างง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนดังนั้นพอเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนแล้วมันก็ทำให้เราไม่รู้สึกอยากจะติดตามเท่าไหร่ แถมฉากจบยังง่ายไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์อีกด้วย มันจึงค่อนข้างน่าเสียดายที่มีการสอดแทรกประเด็นที่น่าสนใจเข้ามามากมายแต่กลับไปไม่สุดซักทาง
ข้อดีของภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากตัวนางเอกแล้วก็คือมีการเล่าถึงเรื่องราวภัยของเทคโนโลยี พูดถึงเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนในช่วงการกักตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มีการนำเอาประเด็นความผิดปกติทางจิตของนางเอกมาเล่าได้ ค่อนข้างดี และ มีความสมจริงไม่น้อย ตรงจุดนี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจตัวนางเอกได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นมันจึงเป็นภาพยนตร์ที่หากคุณผ่านช่วงแรกไปได้หลังจากนั้นภาพรวมของภาพยนตร์ก็ถือว่าทำออกมาค่อนข้างดีในฐานะของภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ เป็นภาพยนตร์ที่สามารถรับชมในเวลาว่างเพื่อฆ่าเวลาได้ สปอยหนัง