รีวิว นิยายรัก ฉบับฉันและเธอ
หนังDiseny สวัสดีครับหากใครชอบหนังรักโรแมนติก ที่ดูๆไปแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ผมขอยกหนังตัวนี้มาแนะนำให้เพื่อนๆที่กำลังหาหนัง ที่มีพล็อตหนังที่มักฉุกชวนให้เกิดความสนใจใคร่อยากดูนั้นคงเป็นหนังที่เล่าเกี่ยวกับหนังสือ เมื่อทาง T&B Media Global Thailand นำหนังเรื่องนี้ ‘Book of Love’ หรือ ‘นิยายรัก ฉบับฉันและเธอ’ เข้ามาฉาย พร้อมชักชวนไปร่วมชม แล้วจะทำเฉยอยู่ได้ยังไง วันนี้คือวันนั้นที่เราจะได้ไปพบกับประสบการณ์ความรักของนักเขียนกันแล้วล่ะ
ส ปอย หนัง ถ้าพูดถึงผู้กำกับอย่าง Analeine Cal y Mayor คนไทยคงไม่คุ้นชื่อของเธอเพราะไม่เคยมีงานที่เข้าฉายในไทยมาก่อน แต่ถ้าพูดถึงนักแสดงนำอย่าง Sam Claflin หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตามาแล้วจากหนังหลายเรื่อง เขาคือ Finnick Odair ในหนังดิสโทเปียจากหนังสือดังอย่าง ‘The Hunger Games’ นั่นไง ส่วนนางเอกนั้น เธอคือ Verónica Echegui สาวสเปนคนนี้ ก็อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเรา และ หลายคนก็คงได้เริ่มรู้จักเธอจากหนังเรื่องนี้นี่แหละ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
ชื่อเรื่อง Book of Love
ประเภท ตลก / โรแมนติก
กำกับโดย อนาไลน์ คาล เมเยอร์
นำแสดงโดย แซม คลาฟลิน, เวอร์โรนิก้า เอเชกี, เฟอร์นานโด เบเซอร์ริล
รีวิว นิยายรัก ฉบับฉันและเธอ
รีวิว นิยายรัก ฉบับฉันและเธอ เมื่อคืนวานนี้ ที แอนด์ บี โกลบอล มีเดีย ได้ฤกษ์งามยามดีในการจัดฉายรอบปฐมทัศน์ครั้งแรกของใหักับ Book of Love ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซินีม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีแขกผู้เกียรติ และ สื่อมวลชนร่วมมาพิสูจน์ดูหนังเรื่องนี้เป็นกลุ่มแรก ๆ กันอย่างคึกคัก และ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ปรากฏว่าทุกคนต่างยิ้มกริ่มเดินออกจากโรงหนังตามกันมาเป็นแถบ ๆ พร้อมกับยกนิ้วให้กับความสนุกฟินเหนือความคาดหมายให้กับหนังเรื่องนี้จากผลงานหนังสือเล่มนี้
หนังดูพยายามจะเล่าเรื่องของสังคมเม็กซิกันที่ถูกกดทับ แต่หลังกลับใช้มันผ่านการกระทำของตัวละครที่แอบเปลี่ยนเนื้อหาต้นฉบับ เหมือนให้คนหนึ่งทำผิดต่ออีกคนด้วยเหตุผลของความลำบาก และ การไม่ยอมรับ ตรงนี้อาจดูรับได้ยากนิดหน่อย เมื่อมองว่าหนังคงตั้งใจให้คนทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์อีกจุดก็คือ บทพูดของเฮนรีที่ดูตะกุกตะกักยามต้องบอกเล่าว่าหนังสือของเขามันเกี่ยวกับอะไร ตรงนี้ก็ดูขัดใจอยู่บ้าง เพราะรู้สึกว่า ถ้าเป็นเจ้าของผลงานที่เขียนมาเองกับมือ ก็ควรจะบอกเล่าอะไรที่เข้าใจได้มากกว่าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ตอบแล้วจับใจความไม่ได้แบบนี้
เรื่องย่อ/เนื้อหา
เฮนรี่ คูเปอร์ (แซม คลาฟลิน) หนุ่มนักเขียนอังกฤษเจ้าของผลงานนิยายรักที่ขายไม่ดีเอาซะเลยเรื่อง The Sensible Heart แต่แล้วอยู่ดี ๆ นิยายเจ้ากรรมเล่มนี้กลับฮิตติดลมบน ขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์ในเม็กซิโก เป็นเหตุให้สำนักพิมพ์ของเฮนรี่จัดบุ๊คทัวร์พบปะกับแฟน ๆ ที่เม็กซิโก โดยมี มาเรีย (เวโรนิก้า เอเชกี) หญิงสาวผู้แปลหนังสือของเขาเป็นภาษาสเปน เป็นล่ามแปลภาษาให้ตลอดทริปการเดินทางนี้
ก่อนที่เฮนรี่จะพบว่า มาเรียปรับเนื้อหานิยายของเขาใหม่แทบทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มันได้รับความนิยมจากคนอ่าน เมื่อหนังสือดัง งานนี้บรรณาธิการจึงสบโอกาสให้ทั้งคู่มาเขียนนิยายรักเล่มใหม่ที่แฟน ๆ ต่างรอคอยด้วยกันซะเลยแต่ภารกิจปั่นต้นฉบับครั้งนี้ไม่ใช่งานง่าย เพราะทั้งเฮนรี่ และ มาเรียต่างมีพื้นเพชีวิต รวมถึงมุมมองความรักที่แตกต่างกัน ซึ่งทางเดียวที่จะเขียนนิยายเล่มนี้ได้จบ ทั้งคู่ต่างต้องเปิดใจให้แก่กัน และ กัน Book of Love
เกร็ดหนัง
แค่พล็อตเริ่มต้นเรื่อง ก็สร้างปัญหาในจิตใจเราเสียแล้ว เมื่อนักเขียนคนหนึ่งที่ดูอับเฉาเพราะงานเขียนของเขาไม่ถูกใจตลาด ออกงานเดินสายตามร้านหนังสือ ก็เจอเจ้าของร้านขายลดกระหน่ำต่อหน้าต่อตา ทำให้มองเห็นไปถึงว่า แล้วเขาจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเวอร์ชันสเปนนั้นเน้นเรื่องราวบนเตียงมากมายนัก ทั้งยังเปลี่ยนแปลงรสนิยมทางเพศของบางตัวละครไปอีก แต่ผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด ผู้อ่านติดกันงอมแงม ส่งผลให้เขาโด่งดังขึ้นทันตา แต่ว่ามันเป็นความโด่งดังที่ไม่ได้เกิดจากตัวเขานี่สิ
ขณะที่อีกด้าน มาเรีย เป็นหญิงสาวแม่บ้านลูกติดชาวเม็กซิกันที่ทำงานในบาร์เลี้ยงชีพ เธอมีความสามารถแต่ถูกกดทับ หนังบอกกับเราประมาณว่า สังคมที่นั่นไม่ยอมรับนักเขียนหญิง เธอจึงทำได้เพียงหยิบยืมผลงานของผู้ชายมาแปลในแบบของตนเอง ฟังดูน่าเศร้าใจมิใช่น้อย แต่การหยิบงานคนอื่นมาแปลแบบไม่ให้เกียรตินักเขียนต้นฉบับ ทำให้ลดความเห็นใจเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง
แต่สิ่งที่มองว่าน่าสนใจในหนังเรื่องนี้ก็พอมีอยู่ หนังบอกเล่าถึงมุมมองในการเขียนนิยาย เขียนยังไงให้ดัง เขียนยังไงถึงจะถูกใจตลาด/ผู้อ่าน ความดัง และ ยอดขายนั้นหมายถึงชีวิต และ ทรัพย์สินที่จะผันแปรตามไป สำนักพิมพ์เองก็ต้องดิ้นรนที่จะทำกำไรในวงการ หนึ่งหนทางก็คือการส่งแปลหลาย ๆ ภาษา การพานักเขียนไปทัวร์สัมภาษณ์ออกสื่อ หน้าที่หนึ่งของ บก. ก็คงเป็นการออกไอเดียของหนังสือเล่มใหม่ ที่มองว่าน่าจะขายดี ด้วยกระแสที่กำลังมา จึงผลักดันให้นักเขียนออกผลงานตามที่ตนแนะนำ
มีอยู่ช่วงหนึ่งในหนังที่ทั้งนักเขียน และ นักแปลต้องทำตามโจทย์ที่ บก. แนะนำแกมบังคับ ซึ่งคนดูอย่างเรา ๆ ก็เข้าใจได้ ในเมื่อสถานการณ์มันออกจะเห็นชัดแบบนั้น การตัดสินใจในมุมมองของ บก. จึงค่อนข้างมีเหตุผล และ ช่วงนี้นี่แหละ ที่ทำให้เราได้เห็นว่า สองพระนาง Sam Claflin และ Verónica Echegui ต่างก็ทำหน้าที่แสดงบทบาทได้เข้าคู่กันดี ซึ่งโจทย์อันนั้นก็ได้กลายมาเป็นความสัมพันธ์ของสองคนที่พัฒนาไป Book of Love รีวิว
รีวิว นิยายรัก ฉบับฉันและเธอ
รีวิว นิยายรัก ฉบับฉันและเธอ Book of Love คือผลงานเรื่องล่าสุดของนักแสดงหนุ่มหล่อ เจ้าพ่อหนังรักขวัญใจสาว ๆ คนล่าสุดอย่าง แซม คลาฟลิน ซึ่งเคยฝากความประทับใจไว้ในหนังโรแมนติกขวัญใจมหาชนอย่าง Me Before You และ Love, Rosie นางเอกของเรื่องอย่าง เวโรนิก้า เอเชกี คือนักแสดงหญิงชาวสเปนที่โด่งดัง และ มีผลงานการแสดงมากมายในบ้านเกิด
ซึ่งเธอได้รับการยอมรับในฐานะนักแสดงหญิงฝีมือดีคนหนึ่งของวงการ โดยเฉพาะการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบนเวทีโกย่าอวอร์ดส์ (Goya Awards) ซึ่งเป็นเวทีรางวัลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสเปน มากถึง 5 ครั้ง โดย 4 ครั้งแรก เป็นรางวัลสาขานักแสดง
อีกหนึ่งครั้งหลังสุด มาจากผลงานภาพยนตร์สั้นที่เธอเป็นผู้กำกับหนังเป็นผลงานการสร้างของ Buzzfeed Studios เว็บไซต์ข่าวสนุก ๆ ชื่อดังที่หันมาสร้างภาพยนตร์ด้วยหนังถ่ายทำทั้งในอังกฤษ และ เม็กซิโก ฉากหลังของเรื่องจึงแตกต่างกันในแต่ละช่วง แต่ก็เต็มไปด้วยความสวยงาม และ โอบล้อมด้วยมนต์เสน่ห์ของประเทศนั้น ๆ The summer I Turned Pretty movie
บทสรุป
หนังบอกเล่าถึงมุมมองเกี่ยวกับความรัก ตัณหา และความต้องการ ผ่านสองมุมของนักเขียนหนุ่มกับนักแปลสาวที่ภารกิจของพวกเขา ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ บางบทสนทนาพาให้คนดูหัวเราะได้ ตรงนี้ก็ถือว่าหนังทำได้สำเร็จในแง่มุมของการเป็นหนังรอมคอม
ขณะที่บทหนังค่อนข้างเป็นไปตามสูตร ไม่มีอะไรฉีกออกไปหรือแปลกใหม่จนเกินคาดเดา หนังใส่ตัวละครอย่างแอนโตนิโอ (Horacio Garcia Rojas จากซีรีส์ ‘Narcos: México’) สามีนักดนตรีที่ไม่ยอมเลิกราแม้จะไม่ค่อยมาดูแลลูกและครอบครัว
ซึ่งในเรื่อง คาแรกเตอร์ของเขายังดูแบน และ ไม่น่าสนใจ เหมือนใส่มาเพื่อสร้างอุปสรรคให้กับคู่พระนางแค่นั้น เอาเข้าจริง มันก็ดูแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อยที่หนังสือขายไม่ดี ถูกนำไปแปลขายในต่างประเทศ มองอีกมุม ทีมงานสำนักพิมพ์ในเม็กซิโกคงได้มาอ่านแล้วเกิดถูกใจเลยหยิบไปแปล
แต่ก็ชวนสงสัยต่อไปอีกว่า ตัว บก. ไม่เคยอ่านเวอร์ชันสเปนมาบ้างเลยหรือไร แถมยังปิดบังนักเขียนว่า สำนวนในหนังสือเวอร์ชันสเปนนั้นแตกต่างจากที่เขาเขียนราวฟ้ากับเหว โดยสรุปแล้วส่วนตัวผมชอบในระดับนึงเลยแหละ 7/10 หนัง รอ เข้าโรง