รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

หนังNetflix สวัสดีครับหนังเกาหลีเรื่องใหม่ล่าสุดนี้ เป็นหนังระทึกขวัญ โดยอาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์เลยก็ว่าได้ ผมคิดว่าสามารถที่จะเทียบชั้นกับบรรดาหนังจากฮอลลีวูดได้เลย ด้วยความที่มีพล็อตที่ยิ่งใหญ่อย่างการเอาตัวรอดจากภัยร้ายบนเครื่องบินที่มีลักษณะ เป็นพื้นที่ปิดกลางอากาศ และยัง ผสมกับการหยิบภัยจากโรคระบาดที่มนุษยชาติเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หนังเรื่องนั้นก็จะคงเป็นเรื่องนี้แหละครับ ‘Emergency Declaraion’ หรือชื่อไทย ‘ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ’ หนังรวมดาราแดนกิมจิเอาไว้อย่างคับคั่ง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

ส ปอย หนัง หากพูดถึง “สนามบิน” เชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าความปลอดภัยของสถานที่นี้อยู่ในระดับที่สูงมาก แต่กลับมีคนคิดร้ายที่จะก่อการร้ายบนเครื่องบินด้วยอาวุธชีวะภาพ สำหรับเรื่อง “Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ” เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เปิดเดือนสิงหาคมได้อย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในภาพยนตร์จะมีหลาย ๆ ฉากที่เป็นช่องโหว่อยู่บ้างแต่โดยรวมใครที่ชื่นชอบซีรี่ส์หรือภาพยนตร์จากดินแดนโสมแห่งนี้ผมเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดและเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ Emergency Declaration เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี ผลงานผู้กำกับ ฮันแจริม มือรางวัลและผลงานสร้างรายได้ อาทิเช่น The King (2017), The Face Reader (2013), The Show Must Go On (2007) และ Rules of Dating (2005) ผลงานครั้งนี้ถูกเตรียมการมาอย่างดีเป็นเวลายาวนาน ทุ่มเทเต็มที่ด้วยทุนสร้างถึง 28,000 ล้านวอน ขนทัพนักแสดงแถวหน้าของวงการ สู่ผลลัพธ์ความสำเร็จที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายโชว์นอกสายประกวด (Out of Competition) ในงานเทศกาลหนัง Cannes Film Festival ครั้งที่ 74 (2021) ซึ่งได้รับคำชมและเสียงปรบมือเกรียวหลังชมนานถึง 10 นาที นอกจากนี้ ยังได้กระแสการต้อนรับอย่างดีจากผู้ชมในวันแรกที่ออกฉาย (วันเดียวกับที่เขียนรีวิวฉบับนี้) มียอดผู้ชมมียอดผู้ชมหลายแสน ยืนอันดับหนึ่ง Box office ประจำวันอย่างสวยงาม

เรื่องย่อ ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

ในวันหนึ่ง ผู้คนจำนวนหนึ่ง กำลังซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปยังฮอโนลูลู ฮาวาย ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ไม่มีใครเลยที่จะรู้ว่า เที่ยวบินของตนกำลังเผชิญกับภัยร้ายที่มาจากผู้โดยสารคนหนึ่งบนเครื่อง แม้ว่าก่อนหน้านั้น จะมีการปล่อยหนึ่งออกมา แต่เหมือนจะไม่มีใครปักใจเชื่อจนเมื่อได้รับรู้ว่าสิ่งนั้นมันเกี่ยวข้องกับตัวเอง นักสืบอินโฮ (Song Kang Ho/ซงคังโฮ จากหนังเรื่อง ‘Parasite’ และ ‘Broker’) ผู้ที่เพิ่งรู้ว่าเมียรักอยู่บนเครื่องลำนั้นเริ่มติดตามหาผู้โดยสารที่เป็ต้นตอคนปล่อยคลิปคนนั้น

เช่นกัน แจฮยอก (Lee Byung Hun/อีบยองฮอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Squid Game’, ‘Our Blues’ และหนังเรื่อง ‘G.I. Joe: The Rise of Cobra’) พ่อลูกหนึ่งที่อยู่บนเครื่องก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องคลิปนี้ ก่อนที่เหตุไม่คาดคิดจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้โดยสารบนเครื่องได้เสียชีวิตอย่างปริศนา ก่อให้เกิดความวุ่นวายและโกลาหล

กัปตันบนเครื่องขอลงจอดฉุกเฉิน แต่กลับได้รับรู้จากภาคพื้นดินของสนามบินหลายแห่งระบุแจ้งกลับมาว่าพวกเขาไม่อนุญาตให้เที่ยวบินนี้ลงจอด งานนี้ร้อนไปถึงรัฐมนตรีหญิงซุกฮี (Jeon Do Yeon/จอนโดยอน จากหนังเรื่อง ‘A Man and A Woman’ และ ‘The Housemaid’) ต้องลงมาช่วยจัดการ เหตุการณ์อันยุ่งยากที่มีเวลาและน้ำมันบนเครื่องเป็นเดิมพันนี้จะจบอย่างไรกันนะ? บึงกาฬ ภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังดู ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

ผมขอพูดในส่วนซีนที่ชอบก่อนก็แล้วกัน ผมขอยกให้ฉากเครื่องบินเสียการควบคุมเป็นฉากที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้เลย ทำได้สมจริงและยิ่งเก้าอี้ในห้องผู้โดยสารดันมาคล้ายกับเก้าอี้ในโรงภาพยนตร์มันทำให้ฉากนี้เหมือนผมได้หลุดเข้าไปในฉากนั้นจริง ๆ ต้องชื่นชมทีมงาน และ ทีม CG จริง ๆ ครับสร้างสรรค์ฉากนี้ได้ละเอียดสุด ๆ ต่อมาขอพูดถึงฉากที่ไม่ชอบในช่วงกลางเรื่องคือ ตอนที่ตามไล่ลาหาคนร้าย ความรู้สึกไม่ทรงพลังและไม่ทำให้เราเชื่อ เอาเป็นว่าผมไม่อินเลยตอนที่ตัวละครพยายามไล่ล่าหาคนร้าย เหมือนเป็นหนังเด็ก ๆ ยังไงอย่างนั้น และมีฉากที่ผู้กำกับเหมือนจะเน้นให้ความสนใจกับอุปกรณ์ชิ้นนึง แต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน จึงทำให้ผม งง ว่าจะถ่ายเน้นเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนั้นไปทำไม ในตัวอย่างภาพยนตร์เพื่อน ๆ จะได้ยินคำพูดจากหอบังคับการบบินว่า “ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่ใดทั้งนั้น” เป็นคำพูดที่ไม่ใช่ทำให้ตัวละครเคว้งคว้างเท่านั้นแต่ยังทำให้คนดูในโรงภาพยนต์มีความรู้สึกเดียวกันคือถูกตัดขาดและไม่เป็นที่ต้อนรับสำหรับใครเลย เป็นช่วงที่บีบคั้นสุดๆ เพราะถ้าไม่ตายเพราะน้ำมันหมดจนเครื่องตกก็ต้องตายเพราะติดเชื้อบนเครื่อง ทางภาคพื้นก็เครียดไม่แพ้กันเพราะต้องพยายามหาข้อมูลคนร้าย พยายามหาทางนำเครื่องบินลงจอด ในเนื้อส่วนของภาคพื้นดินผมชอบมากกว่าบนน่านฟ้าซะอีก เพราะภาคพื้นจะเป็นเหมือนพาร์ทของสืบสวนสอบสวนจึงทำให้รู้สึกน่าติดตามมากกว่า

ความรู้สึกก่อนรับชม

ความรู้สึกแรกเลยตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องผมนึกไปถึงภาพยนตร์เรื่องดังจากประเทศเดียวกัน “Train to Busan” มันมีความละม้ายคล้ายกันอย่างบอกไม่ถูก และหลังจากที่ได้เข้าไปรับชมตัวอย่างทำให้กำแพงที่มีต่อภาพยนตร์จากประเทศนี้ลดลงไปมาก มันชวนดู ชวนสงสัย ชวนติดตามและชวนค้นหาตั้งแต่ตัวอย่าง เพราะถ้าหากใครที่ได้ดูตัวอย่างแล้วก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงปมปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังรอให้ตัวละครคลีคลาย แถมเมื่อได้รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีบทที่ถูกเขียนขึ้นอย่างละเมียดละไมและผู้กำกับที่มากไปด้วยฝีมือ (Han Jae-Rim ฮันแจริม) บวกเข้ากันกับดาราระดับแถวหน้าของวงการเข้ามาแสดงด้วยแล้ว มันเป็นเคมีที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้วางใจได้ว่า จะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอน

ด้านเนื้อเรื่อง

หลังจากการเกริ่นนำเพื่อปูเนื้อเรื่องจบลงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรตัดเข้าสู่เนื้อเรื่องอย่างรวดเร็วในการดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงต้นเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดเพราะเป็นการเล่าเพื่อแสดงให้เราเห็นพฤติกรรมต่าง ๆ ของตัวละครไปพร้อม ๆ กับการผูกปมต่าง ๆ ในเรื่อง เมื่อผูกปมต่าง ๆ เรียบร้อยจนเข้าถึงช่วงกลางเรื่องที่จะเน้นไปทางไขคดีและวุ่นกับการหาตัวคนร้ายที่ลุ้นระทึกทุกครั้งที่เครื่องบินไต่ระดับความสูง ในช่วงกลางเรื่องนี้เป็นส่วนที่ผมชอบรองลงมา บรรยากาศรอบ ๆ ที่แออัดบวกกับสถานการณ์ที่มีผลต่อความรู้สึกของตัวละคร ทำให้ความระทึก ความไม่ปลอดภัย และความไม่เชื่อใจเกิดขึ้น ช่วงนี้จะมีซีนที่ผม ชอบ และ ไม่ชอบ เกิดขึ้นอยู่ด้วย ใจฟู สต อ รี่ นักแสดง

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

รีวิว ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ ข้อมูลในตัวอย่างอาจจะไม่ได้บอกอะไรเรามากนัก เราอาจรู้ได้แค่เพียงว่า เกิดเหตุร้าย มีคนตายบนเครื่อง แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเหตุที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสตัวหนึ่ง ที่มีคนร้ายนำมันขึ้นเครื่องมาด้วยเหตุผลบางอย่างเพื่อหวังให้คนทั้งลำตายกันหมด

เหตุการณ์ทุกอย่าง เริ่มต้นขึ้นที่สนามบินในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างมาเพื่อเช็คอิน โหลดกระเป๋าและรอขึ้นเครื่อง หนังใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อให้เราทำความรู้จักกับตัวละครแต่ละตัว พร้อมกับบอกให้เรารับรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินลำนั้น พอเครื่องเทคออฟ จากโหมดปูพื้นฐานก็เข้าสู่โหมดลึกลับแล้วต่อด้วยระทึกขวัญในทันที

‘ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ’ คือการหยิบเอาพล็อตก่อการร้ายบนเครื่องบินมาผสมรวมเข้ากับเหตุโรคร้ายจากไวรัสนั่นเอง เมื่อมีการติดเชื้อบนเครื่องบินที่กำลังทำการบินอยู่บนฟ้า หนังทำให้เรามองเห็นว่าแต่ละคนจะรับมือกับมันอย่างไร โดยใส่มุมมองต่างๆ เข้ามา บางพวกอาจไม่ยินยอมให้เอาเครื่องลงจอดเพราะเกรงว่าไวรัสจะระบาดเข้าสู่ประเทศตน ญาติของคนบนเครื่องบินลำนั้นต่างเฝ้ารอคอยด้วยใจจดจ่อหวังให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย คนของรัฐจะรับมือแบบไหน องค์กรที่เกี่ยวข้องจะแสดงความเห็นแก่ตัวแบบใด ขณะที่คนบนเครื่องเองก็มีหลายรูปแบบ-ความคิด-การกระทำทั้งที่น่าหมั่นไส้และน่าสงสาร

อันที่จริง ก็เหมือนกับการจำลองสถานการณ์ของมนุษยชาติในการรับมือกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นจริงนั่นแหละ เพราะในช่วงที่ผ่านมา โควิด-19 คือภัยโรคระบาดที่ชัดเจนที่สุดแล้ว และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นตอนมันระบาดต่างก็ถูกนำมาบอกเล่าในหนังเรื่องนี้

ด้วยงานสร้างที่เห็นทุ่มทุนกันยิ่งเสียกว่า ‘Train to Busan’ ฉากที่เห็นส่วนใหญ่มองว่าใช้พลังซีจีเข้าช่วยไว้เยอะ เห็นว่าทีมหนังสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำจริงมาใช้ในการถ่ายทำกันเลยทีเดียว หรืออย่างฉากพลิกเครื่องบินนั่นก็เช่นกัน ทุ่มทุนสร้างฉากที่พลิกเครื่อง 360 องศาเพื่อสร้างความระทึกที่สมจริงให้มากที่สุด โปรแกรม หนัง สิงหาคม

สรุปหนัง ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

กลายเป็นหนังแนวเอาตัวรอดบนเครื่องบินที่ยาวนานเฉียด 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่มีส่วนไหนทำให้รู้สึกน่าเบื่อเลย แถมยังได้รับครบทุกรสชาติ ลุ้นจิกเบาะ เสียน้ำตาสะเทือนใจ เครียดและเศร้าใจกับการรับมือของแต่ละฝ่าย เข้าใจความเป็นมนุษย์ เข้าใจหัวอกคนอื่น พร้อมๆ กับการเอาใจช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ถึงแม้ผมจะไม่ชอบตอนจบแต่ผมก็ไม่อาจจะทิ้งส่วนดี ๆ ของหนังในช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่องไปได้ เพื่อน ๆ ที่กำลังลังเลว่าจะตีตั๋วเข้าไปดูดีไหม? หยุดลังเลและเดินเข้าไปดูเลยครับ ไม่งั้นเพื่อน ๆ จะพลาดหนังฟอร์มยักษ์ที่ดี ๆ ไปหนึ่งเรื่องในปีนี้

ด้วยระยะเวลา 141 นาที ของภาพยนตร์เรื่อง “Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ” จะมีความลุ้นระทึก เกร็งและคลั่งสมชื่อเรื่องจริง ๆ แต่ทว่าผมมีปัญหากับเนื้อเรื่องช่วงท้ายอย่างเดียว ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับเครื่องบิน ที่ในช่วงต้นมีการไต่ระดับอารมณ์ขึ้นไป จนสุดท้ายก็ไต่ระดับลงจอดแน่นิ่งสนิท ผมขอให้คะแนน 7/10 ที่หักคะแนนมีส่วนเดียวเลยคือช่วงท้ายเรื่องที่ขยี้อารมณ์ได้ไม่สุด ขยี้ได้มากสุดก็แค่ซึ้งแต่ไม่ถึงกับร้องไห้

ถ้าถามว่าผมจะแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับคนอื่นดูไหม? ขอตอบว่า “แนะนำ” ครับ Emergency Declaration Major

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *