รีวิว broad peak
หากจะพูดถึงภาพยนตร์โปแลนด์ ผมเองก็ไม่ค่อยได้ดูนัก แต่ก็ยอมรับว่าเป็นพวกชอบ ประวัติศาสตร์โลก จึงอยากหยิบยกเรื่องนี้มารีวิว ที่เป็นหนังที่กึ่งๆสารคดี ดูหนังออนไลน์ แต่ก็มีภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่แว็บเข้ามาในหัว และ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงเทศกาลภาพยนตร์โปแลนด์ หนังNetflix ในปี 2015 ที่ซึ่งจัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ของเซ็นทรัลเวิลด์ใจกลางกรุงเทพฯ ดูหนังฟรี บ้านเรานี่เอง เนื่องจากสถานทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย ส ปอย หนัง สถาบันภาพยนตร์โปแลนด์ได้จัดงานนี้ขึ้น เพื่อเป็นการแนะนำภาพยนตร์โปแลนด์มาสู่สายตาคนไทย จนทำให้ภาพยนตร์จำนวนหนึ่งอยู่ในใจคนไทยหลายคนไปโดยไม่รู้ตัว
ยอดเขาบรอดพีก (อังกฤษ: Broad Peak) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ยอดเขาเคทรี (อังกฤษ: K3) เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก มีความสูง 8,047 เมตร ตั้งอยู่ในเทือกเขาการาโกรัม ประเทศปากีสถาน ยอดเขานี้อยู่ห่างจากยอดเขาเคทูไปตามธารน้ำแข็งบัลโตโรประมาณ 5 ไมล์ ตัวยอดเขาบรอดพีกมีลักษณะประหลาด เนื่องจะมียอดเป็นสันตรงยาวกว่าไมล์ แทนที่จะเป็นยอดแหลมเหมือนยอดเขาอื่น ๆ จึงเป็นที่มาของชื่อ “Broad Peak” นั่นเอง
รีวิว broad peak
รีวิว broad peak เรื่องราวจะพาเราไปติดตาม Maceij Berbeka (รับบทโดย Łukasz Simlat) นักปีนเขาผู้มากประสบการณ์ ผู้ที่ต้องการพิชิตยอดเขาบรอดพีคให้จงได้ แม้จะในสภาพอากาศที่เลวร้ายเป็นอย่างมากก็ตาม เขาไม่ฟังใครทั้งสิ้น เขายืนยันจะขึ้นไป ทำให้ Aleksander Lwow (รับบทโดย Piotr Głowacki) ต้องขึ้นไปกับเขาด้วย และ นี่คือความทะเยอทะยาน และ ความมุ่งมั่นของ Maceij ในการทำตามความตั้งใจของตัวเอง
Maciej Berbeka ขึ้นสู่ Broad Peak ในฤดูหนาวครั้งแรกในปี 1988 โดยรอดพ้นจากความตายไปหลายนิ้ว Andrzej Zawada หัวหน้าคณะสำรวจประกาศความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขากลับมาที่โปแลนด์ ปรากฎว่า Maciej ไปถึง “Rocky Summit” เท่านั้น ซึ่งก็คือ สถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ต่ำกว่ายอดเขาจริง 23 แห่ง
ซึ่งอยู่ห่างออกไป 1 ชั่วโมง Berbeka ไม่พอใจคำโกหกของเพื่อน เขาจึงถอนตัวจากการปีนเขา ยี่สิบสี่ปีต่อมา เขารับสายจาก Krzysztof Wielicki ซึ่งเข้าร่วมการสำรวจครั้งแรกด้วย ” เราต้องทำสิ่งที่เริ่มต้นให้เสร็จ” Krzysztof กล่าวขณะที่เขาชักชวน Maciej ให้เข้าร่วมการสำรวจ Broad Peak ครั้งต่อไป หลังจากลังเลอยู่นาน Maciej ตัดสินใจลองอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น Life Feels Good (2013), One Way Ticket to the Moon (2013) หรือ Ida (2013) ภาพยนตร์ทั้งสามเรื่องที่พูดถึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนได้แนะนำมาจากทั้งหมดของเทศกาล สิ่งหนึ่งที่ทั้งสามเรื่องนี้มีจุดร่วมแบบเดียวกันก็คือ หนังได้ดำเนินเรื่องราวอยู่ในอดีตหรือย้อนไปสู่เหตุการณ์ที่มีแบ็กกราวด์ในยุคนั้น ๆ ซึ่งก็ตรงกันกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Netflix ที่จะมารีวิวเรื่อง Broad Peak (2022) ที่ต้องย้อนไปในยุค 80s และ ที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริง
เรื่องย่อ/เนื้อหา
Broad Peak (2022) บอกเล่าเรื่องราวของนักปีนเขาหิมาลัยชาวโปแลนด์ หลังจากทำการพิชิตยอดเขาได้หลายลูกในฤดูหนาวเป็นกลุ่มแรก พวกเขาก็พร้อมที่จะพิชิตคาราโครัม (Karakoram) เทือกเขาที่เข้าถึงยากที่สุดในโลก broad peak (2022)
ในฤดูหนาวปี 1988 ด้วยสภาวะที่ลำบากยากเย็นสุดขั้ว แต่พวกเขาก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความหนาวเย็นอันรุนแรง และ โหดร้ายเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด ซึ่งขัดต่อสภาพร่างกายของพวกเขาเอง โดยพวกเขาเลือกที่จะอิงจากความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณที่ชัดเจนมากกว่า สิ่งนี้มันจึงสะกดความฝันของ Maceij Berbeka ในการพิชิตยอดเขาแห่งคาราโครัม และ หนึ่งยอดเขาที่เขาต้องการพิชิตให้สำเร็จก็คือบรอดพีค (Broad Peak)
บทวิเคราะห์
หากลองวิเคราะห์ตัวละคร Maceij ความทะเยอทะยานของนักปีนเขาที่ต้องการเอาชนะสิ่งต่าง ๆ เพื่อการไปถึงจุดสูงสุดแทบจะโหม่งเพดานโลก มันอาจมีสิ่งที่เรียกว่า อัตตา (Ego) อยู่ในตัวตนของผู้นั้นเสมอ หากคิดดูดี ๆ ทุกการพิชิต แข่งขัน เป้าหมาย เพื่อเป็นที่ยอมรับ broad peak netflix ในกรณีนี้ไม่ว่าการเอาชนะความท้าทายของสภาพอากาศ ร่างกาย จิตใจ การเอาชนะตัวเอง หรือการเอาชนะผู้อื่น ล้วนเป็นองค์ประกอบเบื้องต้นในการพิชิตสิ่งต่าง ๆ ทั้งนั้น
ในช่วงแรกของการพิชิตด้วยสภาพอากาศที่ย้ำแย่อย่างมาก ทางกลุ่มที่ฐานก็เตือนให้เขาดูสภาพอากาศอีกทีก่อนขึ้นไป เขาก็ไม่ฟัง พอเขาขึ้นไปในระดับที่สูง และ อันตรายจากพายุทางเพื่อนก็เตือนให้กลับลงไป แต่เขาก็ไม่ฟังใคร
หากเราสังเกตุในช่วงแรกหนังจะตัดสลับภาพภรรยาที่คอยเตือนไม่อยากให้เขาไปตั้งแต่อยู่บ้าน นั่นแหละ เขาก็ไม่ฟัง เมื่อพิจารณาจากที่เขาพูดว่า “เหนือฉันขึ้นไปก็ไม่มีอะไรแล้ว” เมื่อตอนที่ขึ้นไปถึงยอดเขาบรอดพีคครั้งแรกของเขา จากคำพูดนี้ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาต้องโกรธเป็นอย่างมาก เมื่อเพื่อนเขาออกมาเผยว่าที่เขายืนมันยังไม่ใช่ยอดเขาบรอดพีค
รีวิว broad peak
รีวิว broad peak ในครึ่งแรกของหนังจะพาเราจดจ่ออยู่กับการพิชิตยอดเขาบรอดพีคของ Maceij ที่ยากลำบาก climbing broad peak ภายใต้พายุหิมะที่กำลังซัดเข้ามาสู่การเดินทางของเขาบนความสูง 8,000 เมตร เขาไม่รู้จักเส้นทางแห่งนี้ในครั้งแรกอย่างแน่นอน ผู้ชมก็เช่นกัน สีขาวโพลนที่ไม่สบายตาของหิมะจะปรากฏ ลอย ซัด ปลิว อยู่เต็มหน้าจอซะส่วนใหญ่จนตัวละครเผยว่าพวกเขามองไม่เห็นเบื้องหน้า
จะบอกว่าผู้ชมก็เช่นกัน ร่างกายใบหน้าของตัวละครดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงเกล็ดหิมะเกาะติดเป็นน้ำแข็งเหมือนในช่องฟรีสตู้เย็น อาการตัวสั่นขวัญผวาเหมือนกลัวว่าจะไม่ได้กลับไปเพราะโดนฆาตรกรที่ชื่อความหนาวทารุณกรรมจนตาย
หากคุณรับชมอยู่ในห้องแอร์คุณอาจจะรู้สึกหนาวเพิ่มขึ้นกว่าอุณหภูมิจริงก็เป็นได้ เสียงลมพายุที่กำลังร้องโหยหวนมีมากกว่าบทสนทนา ที่จะถูกใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากการขาดออกซิเจนอาจทำให้เกิดภาพหลอนหรือขาดสติสัมปชัญญะ และ กระทั่งสูญเสียสัญชาตญาณการเอาตัวรอด จนทำให้บางขณะแม้แต่การเรียกของเพื่อนผ่านวิทยุจากฐานบัญชาการยังไม่คิดจะตอบกันเลย
อย่างไรก็ตาม ความทรหดอดทน การเฉียดฉิวความเป็นความตายของ Maceij ก็ทำให้เขากลับมาบ้านในฐานะผู้พิชิตยอดเขาบรอดพีคได้สำเร็จ
เหรียญตรา รอยยิ้ม และ งานฉลอง คือจุดเริ่มต้นของครึ่งหลังในเรื่องราวนี้ เขาได้กลายเป็นคนดังในฐานะผู้พิชิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ต้องมาพบว่าเพื่อนของเขาอย่าง Alek ที่ขึ้นไปบรอดพีคกับเขาด้วย ได้เขียนลงในนิตยสารนักปีนเขาโดยเปิดเผยว่า Maceij ไม่ได้ปีนไปถึงยอดเขาบรอดพีค แต่ถึงแค่ยอดเขาร็อกกี้ ที่ซึ่ง Maceij อยุ่ห่างกับยอดเขาบรอดพีคเพียง 17 เมตรเท่านั้น
นั่นก็หมายความว่า ยอดเขาบรอดพีคยังไม่มีผู้พิชิต สิ่งนี้มันจึงทำให้ Maceij โกรธเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเขาจึงได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวเพียงอย่างเดียว และ สัญญากับภรรยาว่าจะไม่กลับไปปีนเขาอีกต่อไป เขาใช้ชีวิตกับลูกชาย จนลูกชายโต และ เหมือนจะลืมเรื่องแย่ ๆ ได้ เรื่องราวของเขาดูเหมือนจะปลง และ ปล่อยวางได้
แต่สุดท้ายในปี 2013 ทางด้านเพื่อนของเขาที่ชื่อ Krzysztof หนึ่งในกลุ่มนักปีนเขาก็ติดต่อมาเสนอให้เขาใช้ประสบการณ์นำนักปีนเขารุ่นใหม่ไฟแรงกลับไปปีนเขาเพื่อพิชิตบรอดพีค และ แก้ตัวอีกครั้ง พร้อมกับอุปกรณ์ที่ครบครัน และ ทันสมัยกว่าเก่า จนเรื่องราวในครึ่งหลังก็ได้เข้าสู่จุดจบ
บทสรุป
การตัดสินใจกลับไปอีกรอบของเขา คือการพิสูจน์อัตตาที่สูงเหนือยอดเขาอีกครั้ง broad peak movie อย่างน้อย ๆ เขาก็ผิดสัญญากับภรรยาแล้ว ทั้งที่เขาก็ยังยอมรับอยู่ตลอดเวลาว่าเขาได้ทำการพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้สำเร็จแล้ว ผู้ชมอย่างเรา ๆ ก็เข้าใจถึงความมุ่งมั่น และ จริงใจในคำพูดของเขาได้ และ รู้สึกได้ว่าความยากลำบากในช่วงต้นเรื่องที่ทรมานนั้นมันเสียเปล่าหากเขาไปไม่ถึงจริง ๆ
แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร สิ่งนี้มันก็ทำให้เขารวบรวมช่วงเวลา 25 ปีที่เขาพยายามหนีจากการตกเป็นคนจอมปลอมของสังคม และ จะทำการกู้เกียรติของเขาคืนมาให้ได้ จนในที่สุด ในวันที่ 5 มีนาคม 2013 เขาได้พิชิตยอดเขาบรอดพีคได้สำเร็จพร้อมกับทีมนักปีนเขาวัยหนุ่มอีกสามคน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาที่ช้ากว่าแผนไปสามชั่วโมง สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ในช่วงขาขึ้น เขาสามารถพิชิตยอดเขาบรอดพีคได้สำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ เขาไม่มีช่วงขาลง และ ที่น่าเศร้ากว่า เพราะมันคือเรื่องจริง!