รีวิว carter

หนังNetflix สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำหนัง บู๊แหลก แบบสุดๆเลย ที่ผมจะมาแนะนำวันนี้ นี่คือ “Carter คาร์เตอร์” เป็นหนังใหม่ โดยผลงานบู๊ดีเดือดจากเกาหลี ที่ลง netflix เพียงวันเดียวนั้น ก็ขึ้นแท่นอันดับ 1 โดยไม่ถึงอาทิตย์เลย เป็นหนังที่ถ้าหากใครชอบหนังแนวต่อสู้แอ็คชั่นแล้ว ก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับหนังต่อสู้ที่เติมแต่งความแอคชั่นระดับสากลเข้าไปเพื่อเติมเต็มอรรถรส ถ้าหากว่าฝั่งโลกตะวันตกมี จอห์น วิก แล้ว ทางฝั่งโลกตะวันออกก็คงจะมีเขาคนนี้ ที่อึดและแกร่งเกินมนุษย์เกาหลีเหนือธรรมดาจริง ๆ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

ส ปอย หนัง หลังจากที่ Netflix ปล่อยตัวอย่างหนัง คาร์เตอร์ (Carter) ออกมาให้ได้ชม ก็บอกเลยว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่แค่เห็นตัวอย่างกับทีเซอร์ก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อแล้ว ซึ่งหนังเรื่อง คาร์เตอร์ (Carter) ก็ได้สตรีมทาง Netflix ไปในวันที่ 5 สิงหาคม นี่เอง โดยเป็นภาพยนตร์แนวบู๊แอ็กชั่น ที่ได้พระเอกหนุ่ม จูวอน มารับบทเป็น “คาร์เตอร์” ในเรื่องนี้ ซึ่งรับรองว่าแอ็กชั่นแบบจัดเต็มตลอด 132 นาทีแน่นอน! ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว carter

รีวิว carter

รีวิว carter หนังเรื่องนี้มีเป้าหมายแน่วแน่เลยว่าต้องเล่าเรื่องด้วยแอ็กชั่นสุดเดือด ทั้งเรื่องจึงเต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นกระหน่ำติด ๆ กันเป็นพายุยิ่งกว่าจอห์นวิคซะอีก (หลายเท่าด้วย) อย่างเปิดมาก็เป็นฉากกึ่งลองเทคที่พระเอกต้องสู้กับแก๊งนักเลงมากมายที่ดาหน้าเข้ามาแบบนับไม่ถ้วน ชวนให้คิดถึงฉากนีโอเจอสมิธรุมเป็นร้อยในเมทริกซ์แบบนั้นเลย นอกจากนั้นก็มีฉากขับรถไล่ล่าระเบิดเถิดเทิงอยู่เรื่อย ๆ หรือฉากแนวสายลับบุกเข้าไปถล่มรังผู้ร้ายคนเดียวก็มี บางทีพระเอกก็แทบจะบินได้ไปเลย ความเว่อร์นี่บอกเลยเกินจอห์นวิคไปไกลมาก พระเอกแทบไม่โดนยิงหรือแมงเลยมีแค่แผลถลอกเท่านั้น แต่ตัวเองทั้งฆ่ายิงเสียบสารพัดคนตายไปเผลอ ๆ จะถึงพันด้วยในเรื่องนี้ เพราะนับไม่นับถ้วนจริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าการขายความมันส์จากฉากแอ็กชั่นกันตรง ๆ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างแมสและถูกใจคนดูทั่วไปแน่นอน ตัวหนังตอบโจทย์คนดูสายนี้ได้แน่นอน

เรื่องย่อ carter

รีวิว carter

ชายหนุ่มคนหนึ่งตื่นขึ้นมาในห้องของโรงแรมโดยไร้ความทรงจำ เขาได้ยินเสียงจากเครื่องที่ฝังในหูบอกเพียงว่าเขาชื่อ “คาร์เตอร์” (รับบทโดย จูวอน) โดยยังไม่ทันรู้เรื่องราวอื่น ๆ เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ซีไอเอบุกเข้ามาในห้องเพื่อจับกุมเขา นั่นทำให้เขาต้องหนีออกไปจากที่นี่โดยไม่มีทางเลือก ระหว่างนั้นเขาได้ค้นพบปริศนามากมายที่มาร้อมภารกิจเสี่ยงตาย ทั้งการตามล่าตัวเขาจากทางอเมริกา ทางเกาหลีเหนือ และทางเกาหลีใต้ รวมถึงการเข้าไปพัวพันกับไวรัสร้ายที่ทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่ง โดยภารกิจของเขาตามที่เสียงในหูสั่ง คือเขาต้องพาเด็กสาว “ฮานา” (รับบทโดย คิมโบมิน) ผู้มีเลือดที่สามารถรักษาเชื้อไวรัสนี้ได้ ไปส่งให้กับทางเกาหลีเหนือ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย ภารกิจบู๊ระห่ำหนีตายจึงเริ่มต้นขึ้น! คาร์เตอร์ pantip

ความรู้สึกหลังดู

รีวิว carter

แต่ก็ต้องบอกว่าการที่หนังอัดแอ็กชั่นโม้แตกรัว ๆ ได้ขนาดนี้ก็เพราะฉากทั้งหลายส่วนมากเป็นการผสม CG เข้ามาจำนวนมาก ไม่ใช่ฉากบู๊สดแบบลองเทค แล้วตัวหนังก็ไม่ได้จะทำได้เนียนอะไรด้วย เรียกว่าดูออกตั้งแต่ฉากแรก ๆ อาจจะไม่ดูแย่ แต่คนดูออกว่าปลอมแน่นอน โดยไม่ต้องจับผิดอะไรเลย

เพราะหลายฉากมันออกแนวโม้เกินความเป็นไปได้จนชวนขำเสียด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างลูกกระจ๊อกที่พระเอกอัดตกตึกโดนรถชนกลับกระเด็นเด้งลอยขึ้นมาบนตึกให้พระเอกโดดลงไปเหยียบรองเป็นเบาะลงพื้นนิ่ม ๆ อะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ทางผู้กำกับคิดมาได้ไง หลายฉากมันโม้แบบแทบจะเป็นฉากในการ์ตูนขำ ๆ ไปแล้ว ซึ่งถ้าใครไม่ติดใจอะไรก็ขำ ๆ ตามได้ แต่ถ้าคนดูซีเรียสนี่คงเครียดพอดูกับฉากอะไรแบบที่ว่าเหมือนกัน

และเหมือนแค่อัดแอ็กชั่นโม้แตกมารัว ๆ ไม่พอ ผู้กำกับยังพยายามใช้มุมกล้องแบบแฮนเฮลด์สั่น ๆ แนวเกม FPS เข้ามาด้วยทั้งเรื่องแทบไม่หยุดพัก รวมถึงการใช้มุมกล้องหมุนวนไปทั่วเหมือนกล้องติดโดรน แต่จริง ๆ เป็นภาพมุมกล้องจาก CG ซึ่งแรก ๆ อาจจะรู้สึกเท่ แต่พอทั้งเรื่องยัดมาแต่แบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่ฉากขับรถธรรมดาก็ยังต้องวนกล้องรอบรถตอนวิ่ง มันเลยกลายเป็นหนังที่ชวนเวียนหัวเอามาก ใครที่แพ้มุมกล้องแบบนี้นี่เตรียมยาแก้ปวดหัวไว้ได้เลยครับ

นอกจากแอ็กชั่นแนวสายลับความจำเสื่อมถูกไล่ล่า ตัวเรื่องยังพยายามทำตัวเป็นหนังซอมบี้กลาย ๆ มาด้วย โดยการให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่ทำให้คนติดมีสภาพคลุ้มคลั่งเหมือนซอมบี้ ซึ่งตัวเรื่องครึ่งหลังนี่แทบจะเปลี่ยนแนวจาก CIA ไล่ล่ากลายมาเป็นหนังซอมบี้เกือบเต็มตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งการยัดมาครั้งนี้ก็มีบทรองรับ อาจจะไม่ดูแย่หรือน่าเกลียด แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ กับการที่เรื่องพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองมาเป็นแบบนี้ แล้วก็ยังมีความพยายามต่อพล็อตไปภาค 2 แบบชัดเจนด้วยการทิ้งเรื่องค้างไว้ แล้วเผลอ ๆ ก็จะกลายเป็นหนังซอมบี้เต็มตัวในอนาคตได้อีกต่างหากครับ

ส่วนตัวเรื่องการเป็นสายลับความจำเสื่อม แล้วถูกคนในหูชักใยพร้อมทั้งมีตัวละครอื่นหลอกใช้พระเอกกลับไปกลับมาก็เป็นอะไรที่เข้าท่าดี มีความเป็นไซไฟล้ำ ๆ ติดมาหน่อยไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือตัวเรื่องเล่นกลับไปกลับมาจนงงคนดูงงเองว่าตอนนี้พระเอกอยู่ข้างไหน แล้วเรื่องจริง ๆ เป็นไงกันแน่เพราะตัวเรื่องหมดเวลาไปกับการอัดแอ็กชั่นซะ 70-80% ทำให้เหลือเวลาเล่าเรื่องไม่มากในแต่ละช่วง เผลอนิดเดียวตามเรื่องไม่ทันเอาง่าย ๆ เป็นอะไรที่ชวนปวดหัวอีกอย่างของเรื่องเลยก็ว่าได้ครับ

ตัวนักแสดงในเรื่องวางบทให้มีทั้งอเมริกัน เกาหลีเหนือ ใต้ ผสมปนเปกันมั่วไป ซึ่งทางนักแสดงฝรั่งก็ยังดูปลอม ๆ เหมือนดาราเกรดบีตัวประกอบ เล่นได้ไม่เหมือนเป็น CIA อะไรเลย แต่ก็เข้าใจได้เพราะหนังเกาหลีส่วนใหญ่เวลาใช้ฝรั่งก็มักจะเป็นแบบนี้หมด แต่ดาราทางเกาหลีนี่โอเค มีไม่บ่อยนักที่เรื่องวางให้เกาหลีเหนือเป็นตัวหลัก แกนหลัก ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งพระเอกก็เล่นได้ผ่าน หน้าตาหล่อเหลาน่าเอาใจช่วยจากคนดูสาว ๆ ได้แน่นอน คาร์เตอร์ หนัง

รีวิว carter

รีวิว carter Carter คาร์เตอร์ ผลงานโดยผู้กำกับจองบยองกิล เจ้าพ่อหนังบู๊ชื่อดังมากมาย อาทิ The Villainess (2017) และ Action Boys (2008) โดยถ่ายทำแบบเรียลไทม์ ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกราวกับได้ดำเนินเรื่องไปพร้อมกับตัวละครในหนังอย่างคาร์เตอร์ และยังเป็นหนังแอ็กชั่นที่ต่อสู้แทบทุกวินาทีซึ่งใส่มาแบบจัดเต็มสุด ๆ จนไม่มีเวลาให้พักหายใจหายคอ เรียกได้ว่าดูไปเกร็งมือไป ลุ้นจนเกือบหยุดหายใจกันเลย

เป็นภาพยนตร์ที่ใช้อุปกรณ์ถ่ายทำหลายอย่างและจัดเต็มมาก เป็นมุมกล้องที่คิดว่าต้องไปดูในโรงแบบ 4D แล้วจะมันส์มาก! แต่ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ต้องมาอยู่ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหน้าจอเล็ก ๆ จึงทำให้รู้สึกไม่สุดเท่าที่ควร และขอเตือนว่าใครที่ไม่ชอบการถ่ายทำแบบกล้องหมุน ภาพสั่น อาจจะต้องบ๊ายบายเรื่องนี้ไปก่อน เพราะมุมกล้องหมุนแทบจะ 360 องศากันเลย ถ้าใครมึนหัวง่ายอาจมีอ้วกได้

แต่สำหรับคนที่เน้นทางแอ็กชั่น ขอฟาด ๆ หนัก ๆ เลือดสาดกระจุยกระจาย Carter คาร์เตอร์ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เพราะแค่เปิดตัวฉากแรกของหนังมาไม่ถึง 5 นาที ก็เลือดเต็มหน้าจอแล้ว และไม่ใช่ยิง ๆ ฟัน ๆ แบบใช้มุมกล้องนะ เพราะหนังฉายฉากต่อสู้ที่ชัดเจนโนเซนเซอร์จนคนกลัวเลือดต้องเบือนหน้าหนีแน่นอน คือบู๊จัดหนักชนิดที่เลือดกระเด็นติดหน้าจอราวกับไปนั่งดูอยู่ข้าง ๆ

อย่างที่บอกว่า Carter คาร์เตอร์ เป็นหนังที่ขายฉากแอ็กชั่น ดังนั้นบางฉากก็จะค่อนข้างดูเวอร์ไปหน่อย อย่างการต่อสู้ในอากาศหลังกระโดดลงจากเครื่องบิน เป็นอะไรที่ดูแล้วอิหยังวะมากกว่าความเท่ หรืออย่างการที่คาร์เตอร์ ตัวเอกของเราต่อสู้กับคนเป็นร้อยโดยมีแค่รอยขีดข่วนมานิดหน่อย จนแอบงงว่านี่เป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเป็นซูเปอร์ฮีโร่กันแน่

ไม่รู้ว่าตัวหนัง Carter คาร์เตอร์ ตั้งใจจะทำภาคต่อหรือเปล่า เพราะพล็อตเรื่องแทบจะไม่มีอะไร เน้นฉากบู๊อย่างเดียว เป็นการดำเนินเรื่องที่ดูงงๆ เปิดปมไว้เยอะแยะเต็มไปหมด แล้วก็ทิ้งไว้โดยไม่มีเฉลย เหมือนจะทำให้คนดูไปคิดต่อเอาเอง รวมทั้งตอนจบที่จบเหมือนไม่จบ จบเหมือนมีภาคต่อ ซึ่งถ้ามีภาคต่อที่เฉลยปมที่ทิ้งไว้ได้ ก็น่าจะเป็นหนังที่สมบูรณ์มากกว่านี้

ที่ขอชมเลยคือจูวอน เป็นตัวเอกของเรื่องที่ทำงานหนักมากกก แบกคนเดียวทั้งเรื่อง ในขณะที่ตัวละครอื่นดูไม่มีมิติและไร้ที่มาที่ไป แต่จูวอนในบทของคาร์เตอร์กลับทำมันได้ดี โดยเฉพาะความทุ่มสุดตัวที่เปลี่ยนลุคจากหน้ามือเป็นหลังมือ รวมถึงการซ้อมและเทรนนิ่งร่างกายอย่างหนักเพื่อรับบทคาร์เตอร์ ทำให้จูวอนในเรื่องนี้ออกมาเป็นสายลับคาร์เตอร์ที่ทำให้คนดูอินไปกับคาแร็กเตอร์ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ คาร์เตอร์ marvel

สรุป carter

โดยสรุปแล้วนั้น Carter ถือว่าดีเดือดและเข้มข้นเต็มกำลัง แต่กลับมาพังพินาศแบบงานดีไซน์มุมกล้องและมุมภาพในการเล่าเรื่อง หนังทำให้เห็นแล้วว่าการใช้เทคนิควันช็อตเล่าเรื่องตลอดทั้งเรื่องเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้จะออกมาดี ถ้าหากว่าฝีมือไม่เนี๊ยบจริง ๆ ก็มีสิทธิ์ตกม้าตายได้เช่นกัน แม้ว่าการแสดงจะพอถูไถไปได้ แต่ไม่สามารถอุดรอยรั่วใด ๆ ได้เลย และเรายังไม่ได้พูดถึงบทหนังของเรื่องนี้ ที่เหมือนจะมีแก่นสารชัดเจน แต่การเล่าเรื่องและฉากบู๊ที่สะเปะสะปะเกินไป ได้ทำลายแก่นนั้นลงไปพร้อม ๆ กันด้วย

หากเป็นสายเน้นเนื้อเรื่อง อาจจะค่อนข้างผิดหวังกับหนังเรื่องนี้ เพราะพล็อตเรื่องค่อนข้างเบา แต่ถ้าต้องการความบู๊ระห่ำแบบจัดเต็ม เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด การันตีเลยว่าเกร็งจนมือหงิกไปกับฉากแอ็กชั่นสุดมันส์ในเรื่องแน่นอน โดยสามารถรับชมหนัง Carter คาร์เตอร์ ได้แล้ววันนี้ ทาง Netflix มีพากย์ไทยด้วยนะ สามารถรับชมผ่านทาง Netflix ได้เลยนะครับ คาร์เตอร์นักแสดง

และถือเป็นหนังแอ็กชั่นโม้มันส์ที่ต้องดูแบบถอดสมองอย่าสนใจอะไรเลยเหมือนหนังแอ็กชั่นอินเดียก็ไม่ปาน แต่มาในสไตล์เกาหลีที่น่าจะถูกใจคนบ้านเรามากกว่า ดูได้เลยสนุก แม้จะมีเรื่องชวนปวดหัวจากมุมกล้องมากหน่อยก็ตามครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *