รีวิว goodnight mommy
เชื่อว่าคอหนังสยองขวัญ หักมุม ดาร์คๆ หลายๆคนคงเคยดู หนังNetflix เรื่องนี้ กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับใครยังไม่ดูอยากลองหนังสยองขวัญ ลุ้นระทึก ส ปอย หนัง ที่มีพล็อตเรื่องที่สุดจะหักมุม ก็แนะนำเลยครับ หนังเรื่องนี้เป็นการหยิบเอาหนังระทึกขวัญระดับ ดูหนังออนไลน์ ขึ้นหิ้งของออสเตรีย มาปัดฝุ่นทำใหม่ ว่าเรื่องราว ของเด็กชายแฝด อีเลียส และ ลูคัส ที่พวกเขาทั้งสอง ดูหนังฟรี ได้สังเกตอาการผิดปกติ ของแม่ หลังจากแม่ทำศัลยกรรม ความงาม แต่การศัลยกรรมเสริม ความงามนั้น ยังไม่หายดี ทำให้แม่ต้องใช้ผ้าพันแผล ปิดบังเอาไว้ทั้งหน้า เด็กทั้งสอง ก็ต้องสืบว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้หน้าตา ที่เปลี่ยนไปนั้น เป็นแม่ของพวกเขาหรือไม่ เพราะมีพฤติกรรม ที่ไม่ปกติ มีกฎระเบียบข้อห้ามมากขึ้น เคร่งครัดมากขึ้น อิเลียส จะเป็นเด็กที่ค่อนข้างพูดจาสื่อสารกับผู้คนทั่วไป แต่ลูคัส จะเป็นคน ที่ไม่พูดกับใครนอกจากแฝดของเขา เท่านั้น ทั้งสองคนจึงตัดสินใจจับคนที่คิดว่าน่าจะไม่ใช่แม่ของเขามัดไว้กับเตียง และ ทรมาน
นั่นก็คือ “Goodnight Mommy” ที่กลับมาก็ขอใช้ชื่อเรื่องเดียวกันไปเลย หนังต้นฉบับที่เคยเป็นที่กล่าวขานกันมาในโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อ 7-8 ปีก่อน บัดนี้ได้ถูกนำมาละเลงใหม่เป็นเวอร์ชั่นฮอลลิวูด ที่แน่นอนว่าหลาย ๆ ฝ่ายน่าจะตั้งแง่ก่อนเลยว่า เอามาทำเสียของหรือไม่ แต่ผลลัพธ์โดยรวมจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ ต้องไปดูกันเอาเอง
ชื่อภาพยนตร์: goodnight mommy
ประเภท: ดราม่า / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: แมตต์ โซเบล
นำแสดงโดย: นาโอมิ วัตต์ส, คาเมรอน โครเวตติ, นิโคลัส โครเวตติ
กำหนดฉายในไทย: 16 กันยายน 2022 (Prime Video)
รีวิว goodnight mommy
รีวิว goodnight mommy ย้อนไปในปี 2015 คุณอาจจะเคยได้ยินภาพยนตร์ชื่อเดียวกันนี้ goodnight mommy พากย์ไทย แต่เป็นสัญชาติออสเตรเลียที่เคยฉายให้คอหนังได้ลุ้นระทึกกันไปบ้างแล้ว และ คราวนี้ Amazon Studios ได้นำเอาภาพยนตร์เรื่องนี้มาปัดฝุ่น และ รีเมคใหม่เป็น แม่ครับ หลับซะเถอะ (2022) ให้คนดูได้ร่วมการค้นหาคำตอบว่าใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลของหญิงคนนั้นคือแม่ของเด็กน้อยทั้งสองหรือไม่!
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยปัญหาความลึกลับ ชวนฉงนสงสัย แต่ละจุดล้วนแต่มีคำถาม และ ต้องการการเฉลยแทบทั้งสิ้น หน้าตาของเด็กแฝดทั้งคู่ก็ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ
แม้จะมีความลึกลับอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินคาดเดาเลย และ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาด้วย จุดหักเหของเรื่องเชยมาก โบราณมาก ไม่คิดว่าใครจะใช้จุดนี้มาทำเป็นหนังอีกแล้ว จุดนี้ทำให้ผมผิดหวังอย่างแรง หักคะแนนหนังไปได้เยอะทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ผมบางอย่างที่หนังเฉลยก็สามารถทำได้ค่อนข้างใช้ได้ ไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมด
ต้องยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็นโปสเตอร์ของภาพยนตร์โดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ในฉบับใด ๆ มาก่อน ก็คิดว่ามันต้องเป็นหนังผีหรือหนังสยองขวัญอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้เข้าไปรับชมจริง ๆ กลับพบว่ามันคือหนังจิตวิทยาไม่ใช่หนังผีเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นคอหนังคนใดที่กลัวผีก็สามารถชมเรื่องนี้กันได้ เพราะในบางฉากมีแค่ความตกใจจากภาพ และ sound effect ที่ชวนคิดไปไกลเท่านั้น
ภาพรวมของหนังคือยังไม่มีจุดที่กลายเป็นภาพจำที่ชวนให้นึกถึงเลย มันดูกลืนไปหมด เพราะด้วยเนื้อหาที่เล่ามาค่อนข้างเบา เหมือนจะโหดก็ไปไม่สุด จะมาแนวจิตเลยก็ยังไปไม่ถึง มันเลยติดชะงักอยู่ตรงกลางไม่ได้ส่งต่ออะไรที่ชวนให้ตื่นเต้นเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับเวอร์ชันปี 2014
แต่ถึงแม้จะรีวิวโดยที่ไม่อิงเวอร์ชันต้นฉบับเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ทั้งเนื้อหา บรรยากาศ ภาพ น้ำเสียง ความน่ากลัวอึดอัดใจที่อัดแน่นมาตลอดทั้งเรื่อง บวกกับความดราม่าในสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งของครอบครัวก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม โดยเป็นหนังที่มีเนื้อหาซับซ้อนแต่ก็ดูง่ายเข้าใจง่าย เหมาะกับหนังสยองขวัญแบบยุคใหม่ดี
เรื่องย่อ/เนื้อหา
ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องฝาแฝด (รับบทโดย Cameron และ Nicholas Crovetti) ที่ได้มาถึงบ้านในชนบทของแม่ (รับบทโดย Naomi Watts) และ ได้พบว่าใบหน้าของเธอถูกพันด้วยผ้าพันแผล แต่ว่าพวกเขาสัมผัสได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป… พฤติกรรมของเธอดูแปลกประหลาด และ ผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดที่น่าสยดสยองก็ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของเด็กชาย นั่นคือความสงสัยที่ว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้หน้ากากนั้นที่กำลังทำอาหาร และ นอนหลับอยู่ในห้องถัดไปนั้น… ใช่แม่ของพวกหรือไม่
ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ
ตัวหนังเปิดมาด้วยความนิ่งเงียบ ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเท่าไหร่นัก goodnight mommy สปอย ทำบรรยากาศแบบนิ่ง ๆ แต่ชวนอึดอัดได้ดี ค่อย ๆ เล่าและถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเรื่อย ๆ โดยตัวแครักเตอร์หลักก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากเดิมนัก รวมถึงสถานที่ที่แม้จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ภาพรวมก็ออกมาใกล้เคียงต้นฉบับมากเลยทีเดียว
ซึ่งสิ่งที่ในหนังเรื่องนี้ทำได้ดีคือการถ่ายทอดเรื่องราวของสองพี่น้องที่ทำออกมาได้ดีมาก มันดูลึกซึ้ง อบอุ่นแล้วชวนให้อินตามสายสัมพันธ์ความรัก และ ความห่วงใยของทั้งคู่มาก ตัวละครฝาแฝดคือน่ารัก และ น่าเอ็นดูจริง ๆ ในพาร์ทรายละเอียดของสองแฝดนี่บอกได้เลยว่าอ่อนโยน และ ทำได้ถึงอารมณ์ดีมากเลย
ส่วนการแสดงหลัก ๆ ก็เป็นน้องสองแฝดที่ทำเอาประทับใจมาก ๆ ทั้งสีหน้า ท่าทาง และ น้ำเสียง ยอดเยี่ยมมาก ชอบน้ำเสียงของ Lucas มาก มันมีความเย็น ๆ เล่นแบบนิ่งเงียบแต่ก็เอาอยู่ทุกฉากเลย เคมีของทั้งสองคนก็เข้ากันได้เป็นอย่างดีซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ ด้วย มันก็เลยมีอะไรบางอย่างที่ดูสมจริงด้วย
อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่ผู้เขียนอยากจะชื่นชมมาก ๆ นั่นก็คือความสามารถของนักแสดงที่มีอยู่ไม่กี่ตัวละคร แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพการแสดงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่ที่สามารถแสดงได้ทุกอารมณ์ และ สมบทบาทเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้คนดูเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอน่าจะไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของเด็ก ๆ ในบางฉากที่มีความโศกเศร้า และ น่าสงสารเธอก็ทำได้ดีสุด ๆ เช่นกัน นอกจากนี้เด็กชายทั้งสองคนที่รับบทเป็นลูกชายฝาแฝดก็ตีบทแตก และ ทำให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นในสถานการณ์ที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญอยู่อย่างนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ฉากระทึกในเรื่องก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย แต่ข้อด้อยคือจะไปทางสยองเหมือนหนังผีซะมากกว่าเพราะเป็นฉากในฝันของเด็กเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ชมก็คงรู้แหละว่านี่ในฝันตั้งแต่เห็นฉากผีหลอกเว่อร์ ๆ ในเรื่องว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่หนังผี แต่ฉากพวกนี้ดันทำมาซะเหมือนหนังผีแบบจงใจเกินไปหน่อย แทนที่จะเป็นฉากในความเป็นจริงที่น่าจะทำให้อารมณ์ของเรื่องดูต่อเนื่องดีกว่ามุกตกใจตื่นที่ใช้บ่อยครั้งเกินไปหน่อย
รีวิว goodnight mommy
รีวิว goodnight mommy ออกตัวก่อนว่าผู้เขียนไม่เคยดูต้นฉบับมาก่อน goodnight mommy เต็มเรื่อง แต่ได้ยินมาว่านี่เป็นเบสฟิล์มแนวทริลเลอร์เรื่องหนึ่งที่หลายคนชอบมาก ซึ่งหลังดูจบก็เข้าใจว่าทำไม เพราะนี่เป็นแนวทริลเลอร์ที่เล่นเรื่องระทึกขวัญผ่านบทล้วน ๆ ที่เขียนออกมาได้ดีมากจริงความน่าสนใจของเรื่องนี้ตัวเรื่องนอกจากนาโอมิวัตส์ที่เป็นนักแสดงดังมาเล่นเป็นแม่แล้ว
ก็คือตัวเด็กฝาแฝดในเรื่องที่คนน้อง ลูคัส เล่นโดย Nicholas Crovetti หรือที่คนจำได้จากบทลูกชายโฮมแลนเดอร์ในซีรีส์เดอะบอยนั่นเอง ส่วนคนพี่ เอเลียต เล่นโดย Cameron Crovetti ซึ่งก็เป็นแฝดจริง ๆ ด้วย (ผู้เขียนพึ่งรู้เหมือนกันว่าน้องลูกโฮมแลนเดอร์มีแฝด) ซึ่งถ้าใครดูเดอะบอยจบซีซั่นล่าสุดก็คงจะเห็นว่าเหมาะมากที่มาเล่นเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ด้วยความที่ตัวเรื่องทั้งหักมุม ทั้งหลอกล่อคนดูสารพัด รีวิวนี้คงไม่สามารถบรรยายอะไรได้มาก ตัวเรื่องครึ่งแรกคือการเดินเรื่องแบบในตัวอย่างกับเรื่องย่อเลย ว่าด้วยแม่ที่เปลี่ยนไป มีความผิดปกติ และ เริ่มใส่อารมณ์ฉุนเฉียวกับลูกของเธอ ซึ่งตัวเรื่องดำเนินไปโดยมีปริศนาประปรายหลายอย่างมาชวนให้เราคิดตามว่าสิ่งที่เด็กทั้งคู่เริ่มสงสัย จริง ๆ แล้วเธอคนนั้นคือใครกันแน่ ผู้ชมคงประกอบเรื่องราวตามจินตนาการที่เรื่องต้องการพาไปได้ แม้ในเรื่องจะไม่บอกตรง ๆ ว่าใช่หรือไม่ก็ตาม
แต่ถึงคิดว่าเราน่าจะเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่พอกลางเรื่องหนังเหวี่ยงเรากลับไปสู่จุดตั้งต้นใหม่อีกครั้งด้วยมุมมองเรื่องราวแบบใหม่ไปในทางจิตวิทยาชวนระทึก ที่ซึ่งเราคงไม่แน่ใจแล้วว่าที่ผ่านมาเราเชื่อถูกต้องหรือคิดคาดเดาผิดไป หรือยังอยากจะเชื่อสิ่งที่ดูมาตั้งแต่แรกอยู่
ความรู้สึกแบบนี้จะสับสนปะปนกันด้วยทิศทางเรื่องใหม่ ที่พาเราไปพบกับคำตอบของเรื่องที่ “ยังไงก็เดาไม่ถูก” ไม่ใช่แค่หักมุม แต่เป็นเหตุเป็นผลกับเรื่องราวที่ผ่านมา ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวเรื่องก็ใบ้เรามาตลอดตั้งแต่ชื่อเรื่องด้วย ซึ่งถือว่าบทหนังหลอกล่อคนดูได้อยู่หมัดแน่นอนจริง ๆ
บทสรุป
หากใครที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชันปี 2014 มาแล้วก็คงจะไม่ได้ตื่นเต้นนัก goodnight mommy ซับไทย แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูมาก่อน ก็ต้องบอกว่าอาจจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันมากเลยทีเดียวเพราะเนื้อเรื่องสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นเนื้อเรื่องที่ต้องดูในครั้งแรกเท่านั้นถึงจะรู้สึกตื่นเต้น และ สนุกกับมันจริง ๆ ซึ่งโดยรวมเนื้อหาหลัก ๆ แทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่ในฉบับรีเมกนี้ก็หยิบจับออกมาเล่าได้เข้าใจง่ายกว่า เหมือนกับย่อยมาแล้ว และ ดูมีความประณีตมากขึ้นในด้านอารมณ์ของตัวละคร
ถือเป็นหนังรีเมคที่ดีด้วยตัวเองจากบทดั้งเดิมจริง ๆ มาในแนวระทึกขวัญที่พาให้เราคิดติดตามเรื่องได้ตลอด รับรองว่า “เดายังไงก็ไม่ถูก” แต่ฉากระทึกขวัญในเรื่องชอบทำเป็นแนวผีหลอกในฝันเว่อร์ ๆ จนดูเกินธีมเรื่องมากไปเท่านั้น และ ใครชอบน้องที่รับบทลูกชายโฮมแลนเดอร์ของซีรีส์เดอะบอยนี่ก็ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ เพราะนี่คืองานที่เหมือนกำลังปูให้เขาไปสู่บทบาทใหม่ในซีซั่นต่อไปของเดอะบอยเช่นกันครับ
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่อง ถือว่าสนุกใช้ได้ แต่บางฉากกลับรู้สึกว่าธรรมดาไป เพราะเราสามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อตัวละครได้แทบทั้งหมด นอกจากนี้ยังเป็นหนังแนวจิตวิทยาที่ทำให้เราได้เห็นว่าปมบางอย่างในชีวิตอาจจะส่งผลถึงภาวะทางจิตได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม