รีวิว pinocchio
เชื่อว่าหนึ่งในความทรงจำ หนังDiseny ของใครหลายๆคนนั้น คงจะมีเจ้าหนูน้อยตุ๊กตาจมูกยาวอย่าง pinocchio เพราะมักจะอยู่ในนิทานหรือนิยายหลาย ๆ เรื่อง สำหรับเหล่าสาวกดิสนีย์เอง ส ปอย หนัง ก็คงหนีไม่พ้นฟุตเทจอินโทรสัญลักษณ์ปราสาทแห่งความสุข ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ที่คลอไปด้วยเพลง ‘When you wish upon a star’ จาก ‘Pinocchio’ แอนิเมชันปี 1940 ที่อยู่ในดวงใจ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ใครหลายคน ซึ่งแน่นอนว่าติดโผหนึ่งในโปรเจกต์ที่ดิสนีย์มองเห็นความเป็นไปได้ในการนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันตามหลังความสำเร็จของรุ่นพี่อย่าง ‘The Lion King’ และ ‘Aladdin’ เพียงแต่คราวนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูดเลือกนำหนังลงแพลตฟอร์มสตรีมมิงแทนการฉายในโรงภาพยนตร์
สำหรับฉบับภาพยนตร์คราวนี้ก็ยังคงเดินเรื่องตามฉบับแอนิเมชันเป๊ะ ๆ ถึงขั้นพยายามทำซีจีเจ้าพีน็อคคิโอให้เหมือนการ์ตูนในความทรงจำเสียด้วยซ้ำ และ แน่นอนว่ามันยังคงเรื่องเล่าอันแสนประทับใจของ เจพเพตโต ช่างไม้ผู้เปลี่ยวเหงาที่สร้างหุ่นจากไม้ไพน์ และ ตั้งชื่อ พีน็อคคิโอ จนกระทั่งดาวอธิษฐานได้ทำให้คำขอของชายชราผู้นี้สมหวัง และ พิน็อคคิโอก็มีชีวิตขึ้นมา เพียงแต่เจ้าหุ่นไม้จะกลายเป็นเด็กชายได้จำเป็นต้องพิสูจน์ถึงจิตใจอันงดงาม กล้าหาญ และ เสียสละเสียก่อน แต่บทพิสูจน์ก็มาพร้อมสิ่งล่อใจที่พาให้พิน็อคคิโอออกนอกลู่นอกทาง และ เจพเพตโตก็จำเป็นต้องออกตามหาลูกชายที่เขาสร้างขึ้นมา
รีวิว pinocchio
รีวิว pinocchio ภาพยนตร์ Pinocchio เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฉบับ pinocchio 2022 เข้าวันไหน ไลฟ์แอ็กชันที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์แอนิเมชัน Pinocchio ที่ออกฉายในปี 1940 ซึ่งอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ต้นฉบับในปี 1940 นับเป็นภาพยนตร์ในตำนานที่โด่งดังไปทั่วโลก มีทั้งข้อคิดสอนใจให้กับเด็ก ๆ ความสัมพันธ์สุดซึ้งระหว่างตัวละครในเรื่อง เสน่ห์ที่น่าจดจำ มุขตลกสุดน่ารักในแบบฉบับการ์ตูน และ งานภาพที่ยอดเยี่ยม และ ทันสมัยมาก ๆ สำหรับยุคนั้น
ดังนั้น การนำมาดัดแปลงใหม่อีกครั้งจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างหินพอสมควร เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีฐานแฟนคลับเป็นจำนวนมาก และ เป็นความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายคน ถ้าหากทำออกมาดีทุกคนก็พร้อมจะสรรเสริญ แต่หากทำออกมาได้แย่กว่าเดิม ผู้ชมก็พร้อมจะเหยียบย่ำจนจมดิน
แน่นอนว่างานไลฟ์ แอ็กชันที่ผสมผสานคนแสดงกับเทคนิคพิเศษแบบนี้จะออกมาดีได้ย่อมไม่ใช่ผ่านผู้กำกับมือใหม่แน่นอน และ เป็น โรเบิร์ต เซเม็กคิส (Robert Zemeckis) ที่ดิสนีย์เลือกใช้บริการในคราวนี้
แต่ผลปรากฎว่านอกจากความว้าวของฉากนาฬิกาปลุกคุกคูของเจพเพตโตที่เหมือนเอาการ์ตูนดิสนีย์สุดฮิตโผล่มาเซอร์ไพร์สคนดู ทั้ง วูดดี้ จาก ‘Toy Story’ ตัวละครดังที่ ทอม แฮงก์ส (Tom Hanks) ผู้รับบทเจพเพตโตเคยให้เสียงลามไปจนถึงตัวละครดิสนีย์ดัง ๆ ทั้ง ‘The Lion King’ ‘Sleeping Beauty’ ‘Dumbo’ ‘Snow White and the Seven Dwarves’ ไปจนถึงตัวละครจาก ‘Who Framed Roger Rabbit’ หนังของเซเม็กคิสเอง
แต่นอกจากไอเดียสดใหม่ในฉากสั้น ๆ แล้วหนังทั้งเรื่องก็แทบไม่มีความสร้างสรรค์ใด ๆ ที่เราสัมผัสได้เลย
เรื่องย่อ/เนื้อหา
เล่าเรื่องราวของ Geppetto (รับบทโดย Tom Hank) คุณปู่ผู้แสนโดดเดี่ยวที่ไม่เคยออกนอกบ้าน อาศัยอยู่กับแมว และ ปลาทอง เขาได้ทำการสร้างตุ๊กตาหุ่นเชิดขึ้นมา และ ตั้งชื่อให้ตุ๊กตาตัวนี้ว่า Pinocchio (พากย์เสียงโดย Benjamin Evan Ainsworth) จากนั้นเขาก็ได้ขอพรให้ตุ๊กตามีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
และ ในคืนนั้นนางฟ้า Blue Fairy (รับบทโดย Cynthia Erivo) ก็ได้มาทำให้พรของเขาเป็นจริง Pinocchio กลายเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิต และ อยากกลายเป็นเด็กจริง ๆ นางฟ้าจึงบอกให้เขาทำตัวดี ๆ และ สื่อสัตย์ พร้อมกับมอบหมายให้ Jiminy Cricket (พากย์เสียงโดย Joseph Gordon-Levitt) ทำหน้าที่เป็นจิตสำนึกให้กับ Pinocchio เพื่อคอยเตือนสติ และ ชี้นำให้เขาไม่ออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งหารู้ไม่ว่า Pinocchio จะต้องเจอกับบททดสอบมากมายที่รออยู่
ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่มีความใกล้เคียง Pinocchio Movie กับต้นฉบับหลายอย่างอยู่ แต่ก็มีหลายส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนตัวผู้รีวิวมองว่าส่วนที่เขาปรับไปนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ของฉบับไลฟ์แอ็กชันครั้งนี้ เพราะการเปลี่ยนบทของผู้กำกับได้ทำให้ความสวยงาม และ เสน่ห์ของแอนิเมชันเรื่องนี้ลดทอนลงอย่างมาก
บทที่ปรับเปลี่ยนไปมันทำให้จากที่ Pinocchio ในต้นฉบับที่เป็นเด็กหลงผิด และ โกหกเพื่อเอาตัวรอด กลายเป็นเพียง Pinocchio ผู้เป็นเหยื่อที่โดนสังคมกดดัน และ เจอสถานการณ์มัดมือชกเสียมากกว่า
ซึ่งหากใครที่จำต้นฉบับได้จะรู้ว่าตอนที่เขาไปโรงเรียนเขาได้ถูกหลอกล่อโดย ‘Honest’ John ที่ได้เสนอทางเลือกระหว่างไปโรงเรียนเป็นเด็กดี หรือการไปเป็นดาราดัง แต่ในเวอร์ชันนี้มันแตกต่างออกไป
เนื่องจากในเวอร์ชันนี้ Pinocchio ได้ไปถึงโรงเรียนก่อน แต่แล้วกลับถูกคุณครูไล่ออกมาพร้อมกับบอกว่า “ที่นี่ไม่สอนตุ๊กตาหุ่นเชิด” จากนั้น ‘Honest’ John ก็ได้มาหลอกล่อให้เขาไปแสดงละคร ซึ่งมันไม่ใช่ทางเลือกแบบซ้ายหรือขวาเหมือนต้นฉบับ แต่กลายเป็นว่า Pinocchio เลือกไปแล้ว แต่ดันโดนไล่มา การไปแสดงละครจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เขาเลือกได้
ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาคงจะต้องบอกตรงไปตรงมาว่า ไม่ได้แย่แต่ก็ยังไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อนำเอาองค์ประกอบทั้งสองมาผนวกด้วยกัน ระหว่างคนแสดงกับแอนิเมชั่นมารวมกันไว้บนจอเดียวกันยังไม่ค่อยกลมกลืนสักเท่าไหร่ หนังดูสมูทยิ่งกว่าเมื่อถึงซีนที่เต็มไปด้วยแอนิเมชั่นต่อบทกันไปมา แต่เมื่อต้องมาแสดงร่วมกับคนจริง ๆ กลับยังดูภาพโดดเด้งค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่น่าเสียดายที่ยอดฝีมือยังค่อนข้างดึงจุดเด่นในด้านนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
รีวิว pinocchio
รีวิว pinocchio ภาพยนตร์ Pinocchio ฉบับไลฟ์แอ็กชันเรื่องนี้ กำกับโดย Robert Zemeckis ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยสร้าง Pinocchio IMDb ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย อาทิ ไตรภาค Back to the Future, Forrest Gump (1994), Cast Away (2000) และ Flight (2012)
โดยบทของเรื่องนี้ถูกเขียนโดย Chris Weitz มือเขียนบทจาก Cinderella (2015) และ Rogue One: A Star Wars Story (2016) นอกจากจะมีผู้กำกับมากฝึมือ และ มือเขียนบทมากประสบการณ์มากุมบังเหียนแล้วนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสมทบด้วยนักแสดงชื่อดังมากหน้าหลายตา ได้แก่ Tom Hanks (รับบท Geppetto), Benjamin Evan Ainsworth (พากย์เสียง Pinocchio), Joseph Gordon-Levitt (พากย์เสียง Jiminy Cricket), Luke Evans (รับบท The Coachman), Cynthia Erivo (รับบท Blue Fairy), Keegan-Michael Key (รับบท ‘Honest’ John) และ Kyanne Lamaya (รับบท Fabiana)
บทภาพยนตร์ที่เซเม็กคิสเขียนกับ คริส ไวต์ซ (Chris Weitz) แทบจะลอกลายการ์ตูนปี 1940 แทบไม่มีผิดเพี้ยนเพียงแต่สิ่งที่ขาดหายไปกลับเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้พิน็อคคิโอกลายเป็นที่รักของคนดูซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่สีสันของหุ่นไม้หน้าตาน่ารัก และ หมวกเหลืองคาดฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ที่เซเม็กคิสเอามาเท่านั้น
แต่เป็นเรื่องราวจังหวะจะโคนการเล่าเรื่องที่ละมุนละไมอันหาไม่ได้จากฉบับหนังกึ่งติ๊กต็อก (Tik Tok) ฉบับนี้ ที่ทุกอย่างถูกเร่งสปีดราวกลัวว่าคนรุ่นใหม่จะทนดูไม่ได้จนสุนทรียะต่าง ๆ ที่ผู้ชมเคยได้จากฉบับแอนิเมชันขาดหายไปอย่างน่าเสียดาย
บทสรุป
สิ่งที่ฉบับนี้ทำแล้วดี pinocchio แปลว่า กว่าต้นฉบับก็คือเรื่องที่ให้ Pinocchio มาร้องไห้เอาตอนท้ายเรื่องจากที่ตอนแรกจะร้องแล้วร้องไม่ออก ฉากนี้ทำให้น้ำตาของ Pinocchio ดูมีความหมายมากขึ้น และ ตอนจบที่ต่างกับต้นฉบับคือ Pinocchio ไม่ได้กลายเป็นเด็กจริง ๆ ยังเป็นเพียงตุ๊กตาหุ่นเชิดที่มีชีวิต ด้วยประโยคที่ว่า ขอแค่เขามีจิตใจดี ซื่อสัตย์ เท่านี้ก็ถือว่าเป็นเด็กจริง ๆ แล้ว
ซึ่งส่วนนี้ผู้รีวิวมองว่าดีกว่าต้นฉบับนะ แต่ถึงอย่างนั้นในภาพรวมก็ยังถือว่าห่างไกลเอาเสียมาก ๆ ขอติหน่อยคือตอนท้ายที่ Pinocchio ออกตามหาพ่อ ที่ฉบับใหม่ได้มีการเปลี่ยนเป็นทั้งคู่ไปเจอกันกลางทะเล ก่อนที่จะโดนกลืนไปในท้องสัตว์ทะเลพร้อมกัน ทว่าในต้นฉบับฉากนี้คือ พ่อโดนกลืนไปก่อนแล้ว จากนั้น Pinocchio ค่อยเดินทางไปใต้ทะเล และ ออกตามหา จนถูกกลืนตามเข้าไป และ ช่วยพ่อออกมาได้
ส่วนตัวมองว่าในต้นฉบับมันมีอิมแพ็คมากกว่า เพราะเหมือนกับ Pinocchio ได้รับภารกิจสำคัญครั้งสุดท้าย และ เป็นฮีโร่ที่ไปช่วยพ่อ แต่ฉบับนี้คือคนที่พาออกมากลายเป็นพ่อ สรุปเลยก็คือฉบับใหม่นี้ทำให้ Pinocchio เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาที่โดนสังคมรังแก ไม่ได้มีการสื่อความอะไรที่มันลึกซึ้งไปมากกว่านั้นเลย
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการแค่หนังที่สร้างจากการ์ตูนเรื่องโปรดในวัยเด็กที่มีเพลงไพเราะ ดูแล้วสบายใจไม่ต้องคิดอะไรมาก ‘Pinocchio’ ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเปิดดูในช่วงสุดสัปดาห์นี้พร้อมครอบครัวนะครับ ดีไม่ดียังเป็นหนังที่ดูไปรีดผ้าไปยังรู้เรื่องได้อีกด้วยครับ
ท้ายสุดนี้สำหรับใครที่อยากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถไปรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Disney+ Hotstar