รีวิว samaritan

สวัสดีครับวันนี้ผมมีหนังซูเปอร์ฮีโร่ Prime Video ส ปอย หนัง อย่างเรื่อง samaritan ที่ได้นักแสดงตัวตึงนำแสดงโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน หนังNetflix ที่เล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยที่หลงไหลในเรื่องราวเล่าขาน เกี่ยวกับฮีโร่เหนือมนุษย์ของเมืองที่หายตัวไปหลายสิบปี จากศึกครั้งสุดท้ายที่เขาต้องสู้กับแฝดน้องของตัวเอง ดูหนังออนไลน์ ก่อนที่เขาจะพบความลับว่าชายแก่ในอพาร์ทเมนต์ฝั่งตรงข้ามคือฮีโร่คนนั้น โดยหนังทำมาจากคอมมิคของค่าย Mythos ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ลงสตรีมมิ่งที่ดูลงตัวในขอบเขต ดูหนังฟรี  งบจำกัดกับการโชว์พลังที่ไม่ต้องพึ่ง CG อะไรมาก แต่ก็ทำให้คนดูสนุกไปกับเรื่องได้พอสมควร และ การได้เห็นซิลเวสเตอร์ในวัยนี้มาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ใครเป็นแฟนนี่ห้ามพลาดเลยครับ

เป็นหนังที่น่าจับตามองนับตั้งแต่เห็นหน้าหนังแล้ว แค่ว่าเป็นหนังของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ยอดนักบู๊ในยุคหนึ่งที่แม้จะโรยราแต่ก็ยังมีผลงานแนวแอ็กชันให้ได้ชมไม่ขาดอย่างล่าสุดคือ ‘Rambo: Last Blood’ (2019) ยิ่งพอหายจากจอไปหลายปีเช่นนี้ การกลับมาเลยน่าสนใจทุกครั้ง แถมยังเป็นหนังพลอตซูเปอร์ฮีโรวัยเกษียณอายุในยุคที่หนังฮีโรครองเมืองเช่นนี้ก็ยิ่งน่าสนใจ

ชื่อภาพยนตร์ : samaritan
ผู้กำกับ: จูเลียส เอเวอรี่
ความยาว: 102 นาที
ประเภท: แอคชั่น / แฟนตาซี / ดราม่า
กำหนดฉายในไทย: 26 สิงหาคม 2022 (ที่ Prime Video)
นำแสดงโดย: ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, จาวอน วอลตัน, พิลู แอสเบ็ค

รีวิว samaritan

รีวิว samaritan

รีวิว samaritan หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ซิลเวสเตอร์เล่นในวัย 76 ปี แล้วก็เป็นค่ายหนัง Balboa Productions ของเขาเองด้วย นี่จึงเป็นโปรเจ็กต์ที่ปลุกปั้นโดยตรงจากซิลเวสเตอร์ โดยได้ Julius Avery เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ และ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวออสเตรเลีย ที่ไม่ได้มีเครชื่อเสียงนักมากำกับเรื่องนี้

แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นผลงานที่โอเคเลยไม่มีข้อตกบกพร่องอะไรมาก แม้จะเป็นหนังทำลงสตรีมมิ่งทุนไม่สูงนักก็ตาม ในยุคที่หนังแนวนี้เกลื่อนตลาดแล้ว การที่เรื่องนี้จะฉีกออกไปได้ก็ต้องมีพล็อตที่ดีก่อน เรื่องนี้จึงฉีกตัวเองมาเล่าเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่วัยชราที่เกษียณตัวเองหลบลี้หนีผู้คนมาอยู่อย่างสันโดษ และ ไม่พยายามไม่กลับไปเป็นแบบตัวเองในอดีต

ซึ่งนี่เป็นความลับสำคัญของเรื่องนี้ว่าทำไม เพราะอะไร แม้ตัวเด็กในเรื่องอย่างแซม (แสดงโดย Javon ‘Wanna’ Walton) จะพยายามอ้อนวอนให้เขากลับมาช่วยเมืองยามที่เกิดวิกฤต แต่โจ หรือ ซามาริทันเองกลับคิดต่างออกไป ซึ่งตัวเรื่องจะค่อย ๆ เผยให้เห็นฉากในอดีตที่เป็นตำนานเล่าขานของเมืองว่าซามาริทันช่วยเหลือชาวเมืองจากตัวร้ายเจเนซิสที่เป็นแฝดน้องมีพลังแบบเดียวกับเขาไว้ได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เองคือจุดพลิกผันชีวิตของโจ และ ก็ทำให้ความคิดเรื่องการเป็นซูเปอร์ฮีโร่คืออะไรที่ผิดพลาดสิ้นดีในมุมของเขา

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว samaritan

Samaritan เป็นเรื่องราวของ แซม เด็กชายวัย 13 ปี ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการหาตัวตนของซูเปอร์ฮีโร่ของเมืองแกรนิตซิตี้ ที่ถูกเล่าขานต่อมากันหลายปี samaritan พากย์ไทย อย่าง ซามาริทัน และ เมื่อเขาได้สังเกต และ รวบรวมทฤษฎีต่าง ๆ ก็พบว่า โจ สมิธ คนเก็บขยะวัยดึกที่พักอยู่อะพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้าม

เข้าข่ายที่ทำให้แซมสงสัยว่าเขาคนนี้จะเป็นฮีโร่ที่สาบสูญไปหลังจากเหตุความสูญเสียเมื่อ 20 กว่าปีก่อน และ บัดนี้เมืองที่เริ่มเน่าเฟะด้วยอาชญากรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ มันยิ่งผลักดันทำให้แซมมีแพสชั่นที่อยากจะปลุกพลังให้ ซามาริทัน กลับมาผงาด และ จัดแจงเมืองนี้ให้สะอาดน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว samaritan

แม้จะมีจุดเด่นที่ดีแล้วทั้งธีม และ เคมีนักแสดง แต่ปัญหาที่มีคือหลายอย่างมันดูฝืน ยิ่งดีไซน์ของตัวละครฮีโรในชุดเกราะเหล็กที่ว่ากันตามตรงมันโบราณ และ เชยมากราวกับไปลอกฮีโรคนดำเรื่อง ‘Steel’ (1997) มายังไงยังงั้น การสร้างอาวุธค้อนที่พล็อตเหมือนแหวนของเซารอนก็ดูเป็นอะไรที่ยัดเยียดเข้ามาแบบไม่กลืนกับเรื่องแถมไม่เท่อีก Samaritan (2022 พากย์ไทย) พลังของยอดมนุษย์ก็มีแค่พลังเหนือมนุษย์กับความอึด และ ฟื้นตัวได้ไวมันธรรมดาเหลือเกินในแง่ภาพ เหล่านี้เป็นจุดด้อยเมื่อพิจารณาว่ามันวางตัวเป็นหนึ่งในหนังฮีโรยุคปัจจุบันอันเห็นได้จากดีไซน์ฉากแอ็กชัน และ การเดินเรื่องต่าง ๆ

ตัวเรื่องมีมุมมองที่ค่อนข้างดูเรียลมากว่าโลกนี้ไม่ควรมีใครมาทำตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งเหตุผลในเรื่องก็ถือว่าสมเหตุผลเลย เพียงแต่มันไม่ได้ใหม่นักในยุคที่มีฮีโร่สายดาร์คฉีกกรอบไปมากมายแล้วเช่นกัน อย่างเดอะบอย หรือแม้แต่แบทแมนเวอร์ชั่นโนแลนก็ด้วย พลังอันยิ่งใหญ่กลายเป็นปัญหาให้กับสังคมมากกว่าตัวร้ายที่ทำลายเมืองเสียอีก

แต่คอนเซ็ปต์อันนี้มันถูกทำมาให้อยู่ในรูปฮีโร่วัยเกษียณติดดิน ทำงานเก็บขยะไปวัน ๆ หาของมาซ่อมแซมเอาไปขาย ซึ่งดูเข้ากันดีเลย แต่ก็ทำให้สเกลของเรื่องเล็กลง จำกัดวงแคบแค่ในเมืองสมมุติอย่างในเรื่องเท่านั้น ซึ่งทุนสร้างที่น้อยก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

หนังยังพึ่งพิงจุดพลิกผันเพื่อขยายธีมของมันอย่างมากเกินไป และ ดันพลาดด้วยที่ฝืนพยายามในการซ่อนบางอย่างมากเกินพอดีจนกลายเป็นพิรุธให้คนดูเกิดคาดเดาได้ทัน ทำให้พลังในตอนเฉลยปมบางอย่างไม่ทำงานอย่างที่คิด และแทนที่จะหนังจะใช้งานเพื่อเล่นต่อไปทางดราม่าให้หนักขึ้น ปรากฎหนังก็ทิ้งดราม่าที่อุตส่าห์สร้างมาแล้วไปเล่นทางหนังแอ็กชันเสียแทนทั้งที่ปมความรู้สึกชัดแย้งระหว่างพระเอก และ ตัวร้ายนั้นดูน่าสนใจทีเดียว เหมือนจะรีบเพื่อไปสู่ฉากจบที่คิดไว้ว่าจะเป็นบทสรุปที่เท่สุด ๆ แต่มันไว และ ง่ายไปหน่อย

แต่ไม่ใช่ว่าตัวเรื่องนี้จะไม่มีฉากโชว์พลังอะไรมาก โดยรวมมันมีฉากที่โชว์พลังของซามาริทันเล็ก ๆ ได้อย่างสนุกน่าสนใจตลอดเรื่อง ตั้งแต่ฉากเปิดตัวจริงที่โดนรถชนไม่ตายในเทรลเลอร์จะเห็นว่าแทบเป็นอมตะฟื้นตัวได้ แต่ก็สร้างจุดอ่อนของฮีโร่ตัวนี้ให้เห็นแต่แรกเลยว่าพลังอมตะมีจุดอ่อนยังไง และ ก็ใช้มันเชื่อมต่อกับเรื่องราวของค้อนที่สร้างมาเพื่อทำลายซามาริทันได้อีก ทำให้ตัวร้ายได้ครอบครอง และ ก็มีความสามารถฆ่าซามาริทันได้อีก

โดยมีระเบิด EM ที่ทำลายระบบไฟฟ้ามาเป็นอาวุธหลักของตัวร้ายที่ใช้หลายฉากเลย แล้วก็จัดเต็มกับฉากสุดท้ายที่โชว์ให้เห็นว่าซามาริทันในโหมดบ้าคลั่งร้ายกาจแค่ไหน โดยมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ แต่แอบว้าวพอสมควรกับจุดนี้ เสียแค่ว่าตัวเรื่องไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ต่อไปมากอย่างที่คิด แล้วก็จบแบบไม่ทิ้งท้ายไว้ต่อเลยอีกต่างหาก (ในการ์ตูนก็เหมือนจบแค่นี้)

รีวิว samaritan

นี่คือผลงานหนังชิ้นล่าสุดของผู้กำกับหนุ่มไฟแรง “จูเลียส เอเวอรี่” ที่เพิ่งแจ้งเกิดไปได้งดงามกับหนังปัง ๆ อย่าง Overlord เมื่อไปอีกปีก่อน คราวนี้เขาได้มาหยิบจับทำหนังฮีโร่ดูบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่หนังในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ที่เปรี้ยงปังอยู่ตอนนี้

แต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ท้าทายของเขา และ ผลงานเรื่องนี้เขาก็ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจในระดับหนึ่ง ดู Samaritan (2022 ซา มาริ ทัน) ถือว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์ และ ใส่ลายเส้นความเป็นหนังแอคชั่นที่มีโทนเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ได้อยู่ ถึงแม้ว่าหลาย ๆ องค์ประกอบในนี้จะยังขาดหายไปพอสมควรก็ตาม

หนังเรื่องนี้ได้ “บรากี เอฟ. ชุต” มือเขียนบทมือฉมัง ที่ก็เพิ่งแจ้งเกิดมาจากหนังชุด Escape Room ทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมา ก็ถือว่างานบทหนังของเขาออกมาได้ระดับที่ใช้ได้ ถึงบท และ รายละเอียดต่าง ๆ จะค่อนข้างตื้นเขินไปสักหน่อย

แต่การดีไซน์ และ จับโยงประเด็ดนั้นปมนู้นเข้ามาใส่เอาไว้ด้วยกัน เกือบจะทำออกมาได้ดี เพียงแค่ยังคงขาดเสน่ห์ที่ยังไม่ค่อยสามารถทำให้ตัวละครต่าง ๆ โดดเด่นขึ้นมาได้อย่างเด่นชัดนัก กลายเป็นบทหนังฮีโร่แบบง่าย ๆ เรื่อย ๆ เกือบจะไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นเลยเสียแล้ว

หนังเดินเรื่องผ่านสายตาของเด็กชายที่ชื่อ แซม นำแสดงโดยเจ้าหนู เจวอน ‘วอนนา’ วอลตัน (Javon ‘Wanna’ Walton) จาก ‘The Umbrella Academy’ ซึ่งเขาคลั่งใคล้ในเรื่องเล่าของสองพี่น้องยอดมนุษย์ฝาแฝดนาม ซามาริทัน และ เนเมซิส จนนำไปสู่การแอบติดตามคนเก็บขยะชรานามว่า โจ ที่น่าสงสัยว่าคือซามาริทันในอดีต

หนังปูปูมหลังเรื่องซูเปอร์ฮีโรนี้ให้เราแต่ต้นผ่านบทเล่าคล้ายนิทานในสายตาของแซม ซึ่งดีตรงเราเข้าใจมิติตัวละครได้เร็ว ทั้งปมดราม่าว่าพวกเขาในวัยเด็กเคยถูกรังเกียจจากผู้คนเพราะพลังที่มากกว่าคนทั่วไป จนนำมาซึ่งการลุกฮือขับไล่ และ จบด้วยความตายของพ่อกับแม่ของพวกเขาในเหตุเพลิงไหม้ ทำให้เนเมซิสเลือกทางที่จะล้างแค้นผู้คน และ ต้องปะทะกับซามาริทันที่เลือกทางช่วยเหลือผู้คน เหมือนสีขาวกับสีดำ จนเนเมซิสได้สร้างอาวุธแห่งความแค้นขึ้นมาเป็นค้อนที่สามารถฆ่าซามาริทันได้ นำมาสู่บทสรุปแสนเศร้าที่เนเมซิสตาย ส่วนซามาริทันก็เสียใจ และ หายตัวไปนับแต่นั้น

บทสรุป

เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้วนั้น Samaritan ถือว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างมุมมองใหม่ ๆ ให้กับหนังฮีโร่ samaritan ซับไทย ถึงผลลัพธ์ที่ออกมานั้นอาจจะยังไม่ค่อยเวิร์กมากสักเท่าไหร่ เพราะยังพึ่งพาสูตรสำเร็จกับไอเดียที่ยังไม่ค่อยทำให้ผู้ชมรู้สึกว้าวอะไร ยังติดกลิ่นอายความเป็นหนังฮีโร่ช่วงยุคพัฒนาแรง ๆ ในยุคต้นปี 2000s อะไรทำนองนั้นมาอยู่ มีกลิ่นอายหยิบยืมโทนหนังฮีโร่จักรวาลดัง ๆ มาผสมเข้ากับหนังอาชญากรรมทริลเลอร์เรื่องคลาสสิก ๆ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ดี แต่จังหวะการเล่าเรื่องยังค่อนข้างขาดเสน่ห์ไปอยู่สักหน่อย

พอได้มาดูหนังเรื่องนี้เต็ม ๆ ก็พอจะได้คำตอบแล้วว่า เพราะเหตุใด เอ็มจีเอ็ม และ อะแมซอน ถึงตัดสินใจย้ายหนังเรื่องนี้มาฉายในรูปแบบสตรีมมิ่งออนไลน์แทนเข้าโรงฉาย เพราะนี่น่าจะเป็นการตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดีกว่านั้นเอง สเกลของหนังเรื่องนี้อาจจะค่อนข้างเชยไปที่จะเป็นหนังฉายโรง ท่ามกลางการแข่งขันของหนังฮีโร่ที่ยิ่งยกระดับมาตรฐานสูงขึ้นเรื่อย ๆ นี่อาจจะยังไม่ใช่เป็นหนังฮีโร่เรื่องที่ดี แต่ก็มันไม่ใช่หนังที่แย่อะไรหรอกนะ

ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ลงสตรีมมิ่งที่ดูลงตัวในขอบเขตงบจำกัดกับการโชว์พลังที่ไม่ต้องพึ่ง CG อะไรมาก มีฉากโชว์พลังเล็ก ๆ เป็นระยะ ก่อนจบด้วยฉากใหญ่หน่อยตามสูตรกับมีเซอร์ไพรส์เรื่องนิด ๆ แต่ก็ทำให้คนดูสนุกไปกับเรื่องได้พอสมควร โดยมีความสัมพันธ์ต่างวัยของตัวแซมกับโจเป็นดราม่าซึ้งนิด ๆ ช่วยทำให้เรื่องดูมีอะไรมากขึ้น

แต่การได้เห็นซิลเวสเตอร์ในวัยนี้มาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่ง และ เชื้อชวนมาดูมากกว่าอย่างอื่นในเรื่องทั้งหมด ซึ่งใครเป็นแฟนนี่ห้ามพลาดเลยครับ (แต่น่าเสียดายที่ตัวเรื่องทำมาจบเลยแบบไม่ทิ้งท้ายต่อ)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *