รีวิว Terminator : Dark fate

รีวิวหนังใหม่ สวัสดีครับ วันนี้แอดมินมารีวิวหนัง หุ่นยนต์เหล็ก สุดแกร่ง เป็นหนังต่อภาค 6 หนังหุ่นยนต์เหล็ก ที่เดินทางมาแสนยาวนาน ใกล้จะถึงบทสรุปแล้วครับ เมื่อหนังกลับมาอยู่ในมือเจมส์ คาเมรอน ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ Terminator อีกครั้ง หลังลิขสิทธิ์อยู่ในมือของ Fox มากว่า 20 ปี เจมส์ ตัดสินใจเพิกเฉยให้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาค 3-4-5 ให้คิดเสียว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนละไทม์ไลน์ก็แล้วกัน

สวัสดีครับเพื่อนๆแฟนๆหนัง คนเหล็ก นี่คือภาคสุดยิ่งใหญ่อลังการ เป็นการกลับมาแท็กทีมกันของ ลินดา แฮมิลตัน และอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ในบท ซาราห์ คอนเนอร์ และหุ่นเหล็ก T-800 ภาพที่คนดูคิดถึงตั้งแต่ 27 ปีที่แล้ว นับว่าป็นจุดขายของหนัง Terminator : Dark fate ที่น่าจะเรียกแฟนเก่าให้กลับมาตัวละครที่รักบนจอภาพยนตร์อีกครั้ง แม้ทั้งคู่จะเข้าสู่วัยร่วงโรยกันไปมากแล้ว วันนี้ ลินดา อายุ 62 ปี ส่วนอาร์โนลด์ อายุ 72 ปีแล้ว ดูหนังออนไลน์

ส่วน Terminator : Dark fate นั้น เป็นเรื่องราวที่สานต่อจาก T2 ที่เขากำกับไว้ แต่ภาคนี้เจมส์ ยังติดพันกับโพรเจกต์ใหญ่กว่า นั่นก็คือ Avatar 2 ก็เลยรับหน้าที่อำนวยการสร้างและร่วมเขียนบทภาพยนตร์ แต่ยกหน้าที่กำกับให้ ทิม มิลเลอร์ ผู้กำกับจาก Deadpool มารับหน้าที่แทน หนังNetflix

รีวิว Terminator : Dark fate

รีวิวหนังใหม่ เหมือนกับสอนให้อดีตผู้กำกับในภาค 3-4-5 ได้ดูกันว่า Terminator มันต้องจัดหนักจัดเต็มกันแบบนี้ ว่าแล้วหนังก็ไม่รีรอ แต่เปิดฉากแอ็กชันดุเดือดตั้งแต่ 10 นาทีกันเลย เป็นฉากที่เราเห็นในตัวอย่างหนังนั่นแหละ ที่ซาราห์ คอนเนอร์ เปิดตัวด้วยมาดเท่

อัดกระสุนใส่หุ่น Rev-9 แบบไม่ยั้งมือ และนับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป หนังก็แทบไม่เว้นว่างให้คนดูพักกันนาน ระดมอัดฉากแอ็กชันต่อเนื่องตลอดเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาทีของหนัง จัดมาให้แบบแฟนเก่าแฟนใหม่ได้หายคิดถึงบรรยากาศหนังคนเหล็กสู้กันไปเลย

เห็นได้ชัดว่าทีมงานเขียนบท ทำการบ้านกันมาอย่างดีมาก เพราะการกลับมาครั้งนี้เป็นโจทย์ที่ยากพอดู คนดูได้ดูคนเหล็กกันมาแล้ว 5 ภาค กับอีก 1 ทีวีซีรีส์ จะทำอย่างไรให้มีความแปลกใหม่ แล้วสามารถดึงคนดูกลับมาซื้อตั๋วดูคนเหล็กครั้งที่ 6 นี้ได้

รีวิว Terminator : Dark fate

ลำพังหุ่นเหล็กเก่า ๆ แก่ ๆ กับป้าซาราห์ คงยังไม่น่าสนใจพอ แล้วหุ่นแก่ ๆ ก็ไม่น่าจะมีพิษสงหรือบู๊ได้สะใจคนดูนัก ก็เลยต้องเพิ่มหุ่นเหล็กฝ่ายดีเข้าไปอีกตัว นั่นก็คือ “เกรซ” หุ่นเหล็กสาวที่ถูกส่งมาจากโลกอนาคต ส่วนหุ่นฝ่ายร้ายก็เป็นโจทย์ยากอีกเช่นกัน

มาตรฐานที่เจมส์ คาเมรอน สร้างไว้เองเมื่อ 27 ปีที่แล้ว กับหุ่น T-1000 ที่หลอมร่างตัวเองเป็นของเหลวได้ ปลอมแปลงร่างได้ก็เป็นเทคโนโลยีสุดยอดมากแล้ว จะสร้างหุ่นรุ่นใหม่อย่างไรให้มันตื่นตาตื่นใจได้มากกว่า T-1000 อีกล่ะ ผลลัพธ์ก็เลยออกมาเป็นหุ่นรุ่น Rev-9 ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการแยกเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มโครงเหล็กออกมาเป็นร่างหนึ่งได้ แต่ยังคงความสามารถในการปลอมแปลงร่าง และกลายเป็นของเหลวได้เช่นเดิม รอบนี้มาตัวเดียว ก็เหมือนมา 2 ตัวเลย

ว่ากันที่สีสันของภาคนี้ ตัวที่เป็นหัวใจหลักเลยก็คือ ซาราห์ คอนเนอร์ การที่ป้าหายไปจากจอถึง 27 ปีแล้วกลับมาในมาดคุณป้าสายดุนี่เป็นการกลับมาอย่างทรงคุณค่าตัวจริง ลินดา แฮมิลตัน ตอกย้ำให้เห็นกันชัด ๆ ว่าเธอคือ ซาราห์ คอนเนอร์ ตัวต้นแบบต้นฉบับที่ไม่มีใครแทนที่ได้เหมาะสมไปกว่าเธออีกแล้ว

ส่วนเวอร์ชันขุ่นแม่มังกร นี่อยากจะลบไปจากความทรงจำเป็นที่สุด อยากปรบมือเป่าปากปรี๊ดป้าลินดา เป็นซาราห์ที่เท่สุด ลินดาสามารถถ่ายทอดตัวตนของซาราห์ คอนนเนอร์ ให้สัมผัสได้ว่านี่คือคุณยายวัย 62 ที่แจ๋วจริง ดุจริง แม้ว่าแวบแรกจะสะดุดไปหน่อยกับริ้วร้อยที่ยับย่นตามวัย 62 ของป้าลินดา แต่พอได้ดูหนังแล้ว ความเหี่ยวย่นบนหน้าป้าไม่ได้ทำให้ความเท่ของป้าลดน้อยลงไปแม้แต่นิดเลย

แม็กเคนซี เดวิส คนเหล็กสาว สมาชิกใหม่ในภาคนี้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง เธอเป็นสาวที่มีมีเอกลัษณ์ด้วยหุ่นสูงโปร่งถึง 178 ซม. ทำให้เธอมีพื้นเพมาจากการเป็นนางแบบอยู่แล้ว แม็กเคนซี อยู่ในวงการมายาวนานมาก แต่ก็ยังไม่มีบทที่ส่งให้เธอไปสู่ตำแหน่งนักแสดงแถวหน้าเลย ดูหนัง

รีวิว Terminator : Dark fate

แต่ก็มั่นใจได้ว่าบท “เกรซ” คือบทสำคัญที่สุดในชีวิตการแสดงของเธอแล้ว และจะทำให้ผู้ชมจดจำเธอได้มากขึ้น ด้วยลุคสาวผมสั้นนี้ เป็นลุคที่เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เธอได้บทเป็นสาวแว่นผู้เชี่ยวชาญภาคพื้นดินใน The Martian และหุ่นยนต์สาวใน Bladerunner 2049 ก็ยังดูไม่เข้าตาเท่ากับลุคนี้

เห็นได้ชัดว่าแม็กเคนซี เตรียมพร้อมกับบทเกรซมาอย่างดีมาก หุ่นเธอสวยแล้วดูแข็งแรงมาก ฉากประทับใจที่สุดคือฉากต่อสู้ท้ายเรื่อง ที่เธอได้โซ่เส้นใหญ่มาเป็นอาวุธคู่มือ ฉากควงโซ่ด้วยความเร็วสูง นี่ดูเท่และทรงพลังมาก ฟันร่าง rev-9 เป็นชิ้น ๆ ดุเดือดจริง ๆ

ส่วนแกเบรียล ลูนา ขอพูดถึงแบบผ่าน ๆ แล้วกันนะ ด้วยลีลาการแสดงการใช้สีหน้าแววตา ดูจะเดินตามรอย โรเบิร์ต แพททริก ในบท T-1000 มากเกินไป แล้วก็ล้มเหลวในการสร้างรังสีอำมหิตอย่างที่ตัวร้ายควรมี การปรากฏตัวของ Rev-9 จึงยังไม่ดูน่ากลัวเท่าที่ควร ดูหนังออนไลน์

สรุป Terminator : Dark fate

รีวิวหนังใหม่ ทั้งหมดทั้งหลายที่กล่าวชื่นชมมานี่คือฉากแอ็กชันล้วน ๆ คนดูอยากดูฉากแอ็กชัน หนังมีให้จนเกินพอใจ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้กลับเกิดบนเนื้อเรื่องที่ดูไปแล้วก็ร้อง “เฮ้ออออออออออออ” อย่างมาก หนังถูกกำหนดโจทย์ยากมาก ๆ มาให้ตั้งแต่ก่อนเขียนบทภาพยนตร์แล้วว่าภาคนี้ จะมี อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ กลับมาในบท T-800 แม้ว่าหนังจะสานต่อจากภาค T2 แต่ตอนจบของภาค 2 เราก็เห็น T-800 ทำลายตัวเองไปในบ่อหลอมเหล็กแล้ว

ทีมเขียนบททั้ง 6 คน ต้องระดมไอเดียหาแนวทางว่าจะเอา T-800 กลับมาอย่างไรดีในภาคนี้ แล้วไอเดียสุดท้ายที่ถูกเลือกมาใช้ถ่ายทำจริงก็แบบว่า…………………. โคตรที่จะไร้เหตุผลอย่างที่สุด มันเป็นดาบสองคมที่ต้องแลก การที่ต้องเอา T800 ยัดใส่กลับมาในเรื่องราวเพื่อใช้ชื่ออาร์โนลด์ มาเป็นจุดขายเรียกคนดู แต่ก็ต้องยอมแลกกับตรรกะที่ไร้เหตุผลแบบนี้แหละ

ก็เลยกลายเป็นการดูหนังที่สนุกเพลิดเพลินไปได้กับฉากแอ็กชันเบื้องหน้า แต่มีเรื่องราวการปรากฏตัวของ T800 ที่ชวนคาใจค้างคาอยู่แบบนั้น มันน่าผิดหวังว่านี่คือ Terminator ที่กลับมาอยู่ในมือผู้ให้กำเนิด เราเคยยี้ให้กับภาค 3-4-5 แต่กลายเป็นว่าบทที่มาจากเจมส์ คาเมรอน เองก็ไม่ได้มีเหตุและผลที่ดูเข้าที่เข้าทางไปมากกว่าภาคก่อน ๆ เลย บางทีการเลือกเดินหน้าโดยที่ไม่ต้องพะวงกับการยัดเยียด T800 เข้ามาในเรื่อง หนังน่าจะมุ่งไปในทิศทางที่ดีกว่านี้นะ ดูหนัง

ส่วนคำถามคาใจ ที่ผมตั้งใจไปฟังคำตอบในหนังว่า เจมส์ คาเมรอน จะเลือกอธิบายการชราภาพของ T800 อย่างไร เพราะใน Terminator Genisys (2015) ได้อธิบายเหตุผลกลไกในประเด็นนี้ไว้ว่า เนื้อเยื่อรุ่นใหม่ของ T800 ผ่านการสังเคราะห์พิเศษให้เหมือนเนื้อเยื่อมนุษย์มากที่สุด มีการเสื่อมสภาพตามวัยได้เช่นเดียวกัน แต่ใน Terminator : Dark fate เจมส์ ก็ฉลาดที่จะ “ไม่พูดถึง” ประเด็นนี้

สรุป Terminator : Dark fate เป็นคนเหล็กที่โคตรมันส์ สะใจ คุ้มทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ ได้ดูทั้งฉากใหญ่วินาศสันตะโร ได้ดูทั้งฉากคนเหล็กตะลุมบอนกันแบบดุเดือด 2 ชั่วโมง 8 นาที ไม่มีช่องให้ลุกไปห้องน้ำได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถือว่าไปเสพความบันเทิง พยายามสลัดตรรกะและเหตุผลแบบดันทุรังของบทหนังทิ้งไปให้ได้ แล้วจะดูหนังได้สนุกมากขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *