สวัสดีครับ วันนี้เราจะมารีวิว หนังnetflix เรื่อง มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการไร้เงา (อังกฤษ: Mission: Impossible – Ghost Protocol) เป็นหนังแนวแอ็กชั่น และสายลับ ซึ่งภาคนี้เป็นภาค4 แสดงนำโดย ทอม ครูซ นักแสดงชื่อดังเจ้าพ่อบทหนังแอ็กชั่น ที่ใครหลายๆคนรู้จัก รับชมภาพยนต์ได้ก่อนใคร ดูหนังhdใหม่ หรืออ่านรีวิวได้ที่นี้

เรื่องย่อ Mission: Impossible – Ghost Protocol

ที่บูดาเปสต์ เจ้าหน้าที่เทรเวอร์ ฮานาเวย์ ถูกนักฆ่าสาว ซาบีน มอโรสังหารระหว่างปฏิบัติภารกิจสืบหาบุคคลลึกลับในชื่อ “โคบอลต์” ทำให้หัวหน้าทีมของฮานาเวย์ เจน คาร์เตอร์และเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนใหม่ เบนจี้ ดันน์ ต้องพาตัวอีธาน ฮันต์และแหล่งข่าวออกมาจากคุกในมอสโก ฮันต์ได้รับภารกิจให้เข้าไปค้นหาเอกสารลับที่อยู่ในพระราชวังเครมลิน ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าใครคือโคบอลต์ แต่ในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น กลับมีคนส่งสัญญาณเตือนพวกทหารรัสเซีย ต่อมาพระราชวังเครมลินก็ถูกระเบิด แม้ว่าคาร์เตอร์และดันน์จะหนีไปได้ แต่ฮันต์ซึ่งบาดเจ็บก็ถูกจับกุมและตกเป็นผู้ต้องหาในการก่อเหตุนี้
ฮันต์หลบหนีออกมาได้ หลังการพบปะกับรัฐมนตรีของ IMF และนักวิเคราะห์ วิลเลียม แบรนต์ ทั้งสามก็ถูกลอบโจมตีโดยเจ้าหน้าที่รัสเซีย รัฐมนตรีถูกสังหาร ส่วนฮันต์และแบรนต์ต้องหนีไปรวมกับคาร์เตอร์และดันน์ ในขณะที่รัสเซียประกาศว่านี่เป็นการประกาศสงครามอย่างไม่เป็นทางการจากสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็สั่งเริ่ม
“ปฏิบัติการไร้เงา” แสดงความไม่รับผิดชอบและรับรู้ถึงการมีอยู่ของหน่วย IMF ที่ถูกหมายหัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ฮันต์และเพื่อนร่วมทีมเริ่มสืบ พบว่าโคบอลต์คือ เคิร์ต เฮนดริกส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นผู้อยู่หลังเหตุระเบิดที่เครมลินเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยที่เขาเข้าไปขโมยอุปกรณ์ควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เฮนดริกส์ต้องการรหัสปล่อยอาวุธซึ่งตอนนี้อยู่ที่มอโร ทีมของฮันต์สืบหาจนพบว่าการแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นที่บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ อาคารที่สูงที่สุดในโลกในดูไบ คาร์เตอร์แยกไปต่อรองกับวิสตรอม มือขวาของเฮนดริกส์ ส่วนฮันต์และแบรนต์ไปพบมอโรเพื่อขอรหัส แต่มอโรรู้ตัวก่อนว่าแบรนต์คือสายลับ จึงเกิดการต่อสู้กัน ฮันต์ไล่ตามวิสตรอมซึ่งต่อมาเขาพบว่าเป็นเฮนดริกส์ปลอมตัวมา ส่วนคาร์เตอร์สู้กับมอโรจนมอโรร่วงลงจากอาคาร หลังภารกิจล้มเหลว ฮันต์ตั้งข้อสังเกตว่าแบรนต์อาจมีลับลมคมในกับคนในทีม แบรนต์จึงยอมเล่าว่าเดิมตนเคยเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ทำหน้าที่ปกป้องฮันต์และจูเลีย ภรรยาของฮันต์ แต่ล้มเหลว จูเลียถูกฆ่าโดยกลุ่มนักฆ่าชาวเซอร์เบีย ส่วนฮันต์ที่ออกตามล่ากลุ่มนักฆ่าดังกล่าวก็ถูกจับกุม
บ็อกแดน แหล่งข่าวที่ฮันต์พาออกมาด้วยให้ข้อมูลว่าเฮนดริกส์อาจจะอยู่ที่มุมไบ เพื่อทำการซื้อขายดาวเทียมทางการทหารที่ไม่ใช้แล้วสมัยโซเวียตจากนักธุรกิจชาวอินเดีย บริจ นาธ คาร์เตอร์ลวงนาธเพื่อขอรหัสสั่งการดาวเทียม ส่วนแบรนต์และดันน์ไปที่เซิร์ฟเวอร์เพื่อหาทางหยุดไม่ให้ดาวเทียมทำงาน แต่เฮนดริกส์รู้ทันจึงทำลายเซิร์ฟเวอร์ก่อน ฮันต์ไล่ตามเฮนดริกส์ที่หนีไปพร้อมกระเป๋าสั่งปล่อยอาวุธ ในขณะที่ทุกคนทำทุกวิถีทางเพื่อกู้เซิร์ฟเวอร์กลับมา ฮันต์และเฮนดริกส์ก็สู้กันจนเฮนดริกส์ตัดสินใจกระโดดลงจากอาคารเพื่อป้องกันไม่ให้ฮันต์ได้กระเป๋าไป ส่วนแบรนต์และวิสตรอมก็สู้กันจนกระทั่งดันน์ตามมาสมทบและฆ่าวิสตรอม พร้อมทั้งกู้เซิร์ฟเวอร์คืนได้สำเร็จ ทำให้ฮันต์สั่งปิดระบบอาวุธได้ทันเวลาพอดี ครู่ต่อมาเจ้าหน้าที่รัสเซียนำโดยซิโดรอฟซึ่งติดตามไล่ล่าฮันต์มาโดยตลอดก็พบว่าฮันต์เป็นผู้บริสุทธิ์
หลายสัปดาห์ต่อมาที่ซีแอตเทิล ฮันต์แนะนำทีมของตนให้รู้จักกับลูเทอร์ สติกเคล และแจ้งภารกิจใหม่ ดันน์และคาร์เตอร์รับภารกิจ ส่วนแบรนต์ปฏิเสธเนื่องจากยังมีอดีตที่ไม่ดีเกี่ยวกับงานภาคสนามอยู่ ฮันต์เปิดเผยว่าการที่จูเลียตายเป็นเพียงแค่การแสดง เพื่อให้เขาเข้าใกล้บ็อกแดน เมื่อแบรนต์ได้รับฟังจึงยอมรับภารกิจ หลังทุกคนแยกย้าย ฮันต์ก็เห็นจูเลียอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ก่อนที่ฮันต์จะปลีกตัวเพื่อไปทำภารกิจใหม่
อิมพอสซิเบิ้ล

เนื้อเรื่องของภาพยนต์ มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการไร้เงา

ด้านเนื้อหาเอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ถึงกับแปลกใหม่อะไรนักครับ อีธาน ฮันต์ (Tom Cruise) กับทีมงานต้องรับ “ปฏิบัติการที่เป็นไปไม่ได้” ในการยับยั้งแผนจุดชนวนสงครามโลกของเคิร์ท เฮนดริกส์ (Michael Nyqvist) ชายที่เชื่อว่าสงครามคือส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้โลกเกิดการวิวัฒน์ขึ้น โดยมีข้อแม้เล็กๆ คือปฏิบัติการของพวกเขาต้องทำอย่างเงียบที่สุด อีกทั้งไร้ทีมสนับสนุนใดๆ เนื่องจากท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐได้ออกคำสั่งปฏิบัติการไร้เงา (ซึ่งปกติพวกเขาก็ต้องทำงานแบบไร้เงาอยู่แล้วน่ะนะครับ 555)
อิมพอสซิเบิ้ล

พล็อตหนัง

โดยพล็อตอาจไม่ใหม่ แต่ผลที่ได้จัดว่ามันส์ครับ เพราะพล็อตเดิมๆ ได้ถูกปรุงด้วยเครื่องรสเด็ด ทั้งฉากแอ็กชันมันส์ สะใจ ยิ่งใหญ่ (อย่างตอนระเบิดที่รัสเซียหรือไล่ล่ากลางพายุทะเลทรายที่ดูไป) แถมด้วยความลุ้นสุดๆ (ทั้งตอนเข้าไปในเครมลิน ไต่ตึกที่ดูไบ และไล่จับกันบนลานจอดรถสุดไฮเทคในอินเดีย) ดังนั้นแม้โดยโครงจะเดิมๆ แต่ผู้กำกับ Brad Bird สามารถเติมความมันส์ลงไปได้ในทุกช่วง แม้จะไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ก็พอจะยกให้ M:I ภาคนี้เป็นภาคที่ดีที่สุดได้
พูดถึงเบิร์ด ผมขอชมเชยคุณจริงๆ ผมดูหนังของเขามา 3 เรื่อง เขาเคยทำแต่การ์ตูนมาก่อน เริ่มจาก The Iron Giant จบด้วย The Incredibles และจบด้วย Ratatouille และหนังทุกเรื่องผมให้เขาไม่ถึง 3 ดาวเลย พวกเขามักจะดี
ฉันจำได้ว่าเคยดูภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเรื่อง The Iron Giant และฉันก็ชอบมาก เรียบง่ายแต่อบอุ่นหัวใจของเด็กๆ Ghibli แต่ผลตอบแทนต่ำอย่างน่าประหลาดใจ (ลงทุนไป 48 ล้านดอลลาร์ ได้มา 23 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ) ถ้ายอดรวมทั่วโลกประมาณ 80 ล้านก็ยังแดงๆ อยู่) ตอนนั้นก็แอบถามว่าควรเลิกไหม โชคดีที่ Pixar เห็นความดีของเขาเลยขอให้ทำหนัง จนในที่สุดเขาก็มีวันนี้…ดีใจแทนเขาจริงๆ
อิมพอสซิเบิ้ล

จุดเด่นของเรื่องนี้

จุดเด่นอีกอย่างในแผนกคือฉันสามารถเห็นการทำงานเป็นทีมได้อย่างชัดเจน บอกตามตรงว่าทีมนี้ทรงพลังจริงๆ นำโดย Ethan, Jane Carter (แสดงโดย Paula Patton) เป็นผู้ประสานงานเหยื่อล่อ และ Benji Dunn (แสดงโดย Simon Pegg) เป็นผู้ควบคุมด้านเทคนิค นับเหตุผลที่ทำให้เราหัวเราะ หลายครั้ง และวิลเลียม แบรนด์ท (เจเรมี เรนเนอร์) ผู้ปราดเปรื่องกับความลับบางอย่าง
แผนกนี้ทำงานได้อย่างกลมกลืนและราบรื่นดี แต่ก็ยังตื่นเต้นเพราะมีอุปสรรคมากมาย ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในมือ หนังดูสนุกสนานมากและชวนให้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ พังบ้าง พังบ้าง แต่ก็ยังไม่มีพลาด พร้อมเผยเงื่อนงำที่น่าสนใจ หรือเป็นโอกาสในการสร้างอารมณ์และเชื่อมโยงเรากับตัวละครในเรื่อง แม้จะมีการหยุดพักโดยไม่มีการดำเนินการ แต่ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่เสมอ
แน่นอนว่าดาราต้องคมพอตัว คนที่เฉียบแหลมที่สุดยังคงเป็นครูซ ใบหน้าและท่าทางของเขาแก่กว่ามาก แต่เขา “แก่” มากพอที่จะทำให้ฮันเตอร์ดูเหมือนคนที่ฉลาดที่สุด คิดเร็วที่สุด มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่แปลกใจเลยที่รัฐมนตรี (ทอม วิลคินสัน) จะบอกว่าฮันเตอร์เก่งที่สุด

สรุปโดยรวมหนัง มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการไร้เงา

พวกคุณที่ยังไม่เคยดู MISSION IMPOSSIBLE ภาคก่อนๆ อาจจะคิดว่าไม่รู้ว่ามันคืออะไร บริเวณด้านหน้าบางชั้น อันนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ดังนั้นในส่วนของการให้คะแนนพล็อตเรื่อง ผมให้ 9.5/10 สำหรับนักแสดงนำชาย ทอม ครูซ ผู้กำกับเรื่องนี้ เขาทำได้ดี ผมชอบคุณตั้งแต่เด็กๆ คนอะไรมักหน้าตาดี
ฝีมือการแสดง ฉากแอคชั่นเยี่ยม สีหน้าของเขา โดยเฉพาะตอนที่เขาก้มหน้าลง มันดูสงบ ฉันให้นักแสดงนำ 10/10 และนักแสดงสมทบที่เหลือก็ทำได้ดีโดยเฉพาะนักแสดงหญิงในเรื่อง เรียกได้ว่าสวยแทบทุกคน หนังน่าดูอีกเรื่อง เรื่องนี้ของฉัน
ส่วนเพลงประกอบก็จับใจเช่นเคย ท่วงทำนองนี้ปรากฏขึ้นเมื่อใด หัวใจของผู้ชมต้องเต้นแรง ลุ้นระทึก ลุ้นมันส์แน่นอน โดยเฉพาะฉากไล่ล่าและต่อสู้นั้นเกิดขึ้นอย่างเหนียวแน่น รวมการวางแผนหักเหลี่ยมเฉือนคมกัน โอ้ สิ่งนี้น่าสนใจ ตลกมาก ตื่นเต้นกับทุกสิ่ง ผมให้ 10/10 สำหรับการรับชม และ 9.98/10 สำหรับภาพรวมของหนังเรื่องนี้ บางคนอาจถามว่า 0.02 คะแนนหายไปไหน? (ว้าว) ฉันยังหักคะแนนสำหรับความเหนือจริง (มาก มาก มาก) สำหรับการเอาชีวิตไม่รอดในหลายๆ ฉาก แต่หนังก็คือหนัง ใช่ไหม (ไม่ต้องพูดถึง Mission: Impossible ฮ่าๆ)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *