สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิว หนังdiseny เรื่อง mulan มู่หลาน (2020) ภาพยนต์ที่สร้างจากการ์ตูน เจ้าหญิงของดิสนีย์ ที่ใครหลายๆ คนรู้จักกัน เป็นการ์ตุนที่เต็มไปด้วยสัตว์พูดได้ ร้องเพลง และมุกตลกๆ แบบการ์ตูนให้เด็กดูเพลินๆ ซึ่งตอนนี้ได้ทำเป็นภาพยนต์แตกต่างออกไป จะมีการแอ็กชั่นมากขึ้น แต่ไม่มีสัตว์พูดได้เหมือนในการ์ตูน แต่ก็ยังคงความเป็นดิสนีย์ไว้ คือการร้องเพลง สามารถอ่านรีวิวของเราได้แล้วที่นี่ หรือจะชมภาพยนต์ก็ ดูได้แล้วที่เว็บดูหนังมาใหม่

เรื่องย่อ MULAN (2020)

เรื่องย่อ มู่หลาน ในสังคมของ Mulan (Yifei Liu จาก The Forbidden Kingdom) เธอถูกคาดหวังให้เป็นแม่ศรีเรือน เรียบร้อย อ่อนโยน และออกเหย้าออกเรือนเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล เมื่อเธอโตขึ้น เธอต้องจำใจไปหาแม่สื่อประจำหมู่บ้านให้อบรมพื้นฐานการเป็นแม่ศรีเรือนและจัดหาคู่ที่เหมาะสมให้

ในขณะเดียวกัน เมืองจีนก็กำลังก้าวเข้าสู่สงคราม เมื่อ Böri Khan (Jason Scott Lee จาก Dragon: The Bruce Lee Story) นำทัพมุ่งหน้ามายึดเมืองหลวง โดยนอกจาก Böri Khan จะมีทหารในกองทัพจำนวนมากแล้ว ยังมีแม่มด Xianniang (Li Gong จาก Memoirs of a Geisha) เป็นสมุนมือขวาอีกด้วย Emperor (Jet Li จาก Fearless) จึงมีบัญชาให้ทุกครอบครัวต้องส่งผู้ชาย 1 คนไปร่วมรบ แต่ Zhou

พ่อของ Mulan (Tzi Ma จาก The Farewell) มีแต่ลูกสาว เขาจึงต้องกลับไปรบอีกครั้ง แต่ Mulan เห็นว่าพ่อแก่แล้วและขาเสียมาตั้งแต่สงครามครั้งก่อน ถ้าต้องไปรบอีก ก็ไม่รอดแน่นอน เธอจึงแอบปลอมตัวเป็นผู้ชาย ขโมยดาบ ชุดเกราะ และหมายเรียกของพ่อ ขี่ม้ามุ่งหน้าไปเข้าค่ายทหารเอง

ที่ค่าย เธอได้เข้าร่วมหน่วยของ Commander Dong (Donnie Yen จาก Ip Man) และกลายเป็นเพื่อนกัน Honghui (An Yousen), Cricket (Yu Jun) ฯลฯ เธอไม่รู้สึกเหนื่อยและไม่รู้สึกว่าการฝึกนั้นยาก แต่เป็นการยากที่จะซ่อนความแข็งแกร่ง ความสามารถ และตัวตนของเธอจากผู้ชายทุกคน เพราะถ้าจับได้ว่าเป็นผู้หญิงจะต้องถูกไล่ออก หรืออาจถูกตัดสินประหารชีวิต

วิเคราะห์ วิจารณ์ มู่หลาน (2020)

เราไม่เคยฟัง/อ่านตำนาน Mulan แบบดั้งเดิมของจีน แต่เคยดูเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น (1998) จึงพอบอกได้ว่า เส้นเรื่องหลักของ MULAN (2020) ไม่ได้แตกต่างจากฉบับแอนิเมชั่นมากนัก แต่กระนั้นก็มีเส้นเรื่องย่อยหรือดีเทลที่ไม่เหมือนกันบ้าง

แน่นอนว่า การเพิ่มลดตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงภาพยนตร์ที่มีแฟนหลงรักทั่วโลกย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พอใจหรือไม่พอใจ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่การเดินรอยตามต้นฉบับโดยไม่ปรับเปลี่ยนใดใดเลย ทั้งที่บริบททางสังคมและเวลาเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ก็คงไม่ดีอีกเช่นกัน และเราว่าการปรับเปลี่ยนบทของ MULAN มันก็ไม่ได้แย่และก็ตั้งอยู่บนความสมเหตุสมผล

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้

การ์ตูน Mulan (1998) ถือว่าล้ำมากแล้วสำหรับยุคนั้น กล่าวคือ ตัวเอกเป็นผู้หญิงเอเชียและไม่ใช่เจ้าหญิง ธีมของหนังก็สื่อประเด็น feminist อย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี พอมา MULAN (2020) เราคิดว่า ประเด็น feminist ก็ยังคงคงอยู่อย่างเข้มข้น และเหมือนจะชัดเจนกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำเมื่อผ่านการแสดงทางสีหน้า แววตา และอวัจนภาษาต่าง ๆ ของนักแสดงที่สื่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างยอดเยี่ยม

ก่อนอื่น Mulan ปูทางไปสู่ความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือพ่อลูกที่ลึกซึ้งกว่าเวอร์ชั่นอนิเมชั่น โดยส่วนตัวแล้วฉันน้ำตาไหลในช่วง 5 นาทีแรกของการเปิด (ในบทนำก่อนชื่อเรื่อง) เนื่องจากเราเห็นพ่อของ Mulan (Ma Zi) แอบภูมิใจในลูกสาวที่กล้าหาญ และ กระตือรือร้นในสายตาของเขา (“ชี่” หรือ “ลี่” พลังคล้ายเจได) แข็งแกร่ง

แต่แสดงไม่ได้จึงต้องบอกลูกสาวให้ซ่อนไว้ เพราะค่านิยมของคนในสังคมคือผู้ชายเท่านั้นที่จะมีและใช้ “ชี่” ได้ มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่สามารถทำหน้าที่เป็นทหาร ต่อสู้ และได้รับเกียรติจากกลุ่ม ผู้ชายมี “ชี่” และถูกเรียกว่า “ซามูไร” หรือ “นักรบ” ในขณะที่ผู้หญิงมี “ชี่” ถูกตราหน้าว่าเป็น “แม่มด” หรือ “แม่มด” โดยลูกสาวมีหน้าที่เป็นแม่บ้าน และ ออกนอกบ้านเท่านั้น

มู่หลานยังเพิ่มบทบาทของซิ่ว (Tang Shana) น้องสาวของมู่หลานและลบคุณย่าออกไป การเพิ่มตัวละครนี้เข้าไป ผมว่าทำให้ Mulan มีความหมายมากขึ้น เนื่องจากจุดประสงค์หลักของการที่มู่หลานหนีจากสงครามต่อต้านคือ “การกตัญญู” เธอรู้ว่าเธอจะต่อสู้แทนพ่อของเธอ (สำหรับ “ความรักชาติ” หรือ “การป้องกัน/ความรอด” เธอไม่รู้)

ไม่ว่าเธอจะกลับมาหรือไม่ เธอควรคิดว่าโอกาสรอดชีวิตของเธอนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ถ้าเธอเป็นลูกคนเดียวก็ยังกังวลว่าถ้าเธอจากไปใครจะดูแลพ่อแม่ของเธอ? หรือใครจะเอามาเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล (ในที่นี้ขอ “แต่งงาน” ตามค่านิยม) แต่ในหนังเวอร์ชั่นปัจจุบันเธอเห็นพ่อแม่ของ เธอกับน้องสาวของเธอก่อนที่จะวิ่งหนีไม่ว่าจะกลับมาหรือไม่ก็ตามเมื่อฉันกลับมา ฉันจะทำสิ่งเหล่านี้

มู่หลาน

การฉีกตัวละคร

จากนั้นดิสนีย์ก็ฉีก Li Shang ออก และ ใช้ส่วนหนึ่งของมันสำหรับตัวละครใหม่ ผู้บัญชาการ Dong (Donnie Yen) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นที่ปรึกษาให้กับพ่อของ Mulan An Yousen) สมัครเข้าหน่วยเช่นเธอ Honghui เป็นผู้สนับสนุนที่ดี และ ตกลงที่จะเป็นผู้ติดตามของ Mulan แม้ว่าเขาจะรู้ว่า Mulan เป็นผู้หญิงเพราะเขายอมรับความคิดและความสามารถของเธออย่างง่ายดาย เพศจะไม่เข้ามาขวางทางอีกต่อไป

การดำเนินเรื่องในช่วงแรกของหนังมีความราบเรียบไปนิดนึง ซึ่งหนังมีความพีคในช่วงท้ายๆของเรื่องไปแล้ว เลยทำให้คนดูหลายๆคนอาจมีความน่าเบื่อไปในช่วงแรกได้ แต่ผมมองว่าในความราบเรียบนี้ก็ทำออกมาแบบไม่จำเจอะไร เนื่องจากหนังมีความกระชับ เร็ว และเข้าใจง่าย โดยเราไม่ต้องมาทราบว่า ใคร เป็นอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร คือ ไม่ต้องปูทางตัวละครเยอะนั้นเอง

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดคือซีนอารมณ์ ซีนดรามา ของหนังการเชือดเซือนกันของตัวละครในเรื่องล้วนมีมิติที่เข้ากันได้อย่างลงตัว นักแสดงที่เล่นในหนังเรื่องนี้ก็แสดงได้ดีมาก โดยเฉพาะนางเอก คือมู่หลาน ที่รับบทโดยหลิวอี่เฟ่ย เธอเล่นได้อย่างดีมาก และเหมาะสมแล้วที่มารับบทนี้ ซึ่งก่อนหน้าที่หนังจะฉายก็มีกระแสดรามาของเธอในการที่จะมารับบนำนี้ ผมมองว่าดิสนีย์เค้าคิดดีแล้วที่จะเลือกใครมาเล่นเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ในเรื่องต่าง ๆ อย่างกระแสของเจ้าหญิงแอเรียล ใน The Little Mermaid ที่กำลังจะถูกสร้างเป็นหนังในแบบ Live action เช่นกัน โดยได้นักร้อง R&B อย่าง ฮัลเล เบลลีย์

มู่หลาน

ประเด็นดราม่าของหนังเรื่อง มู่หลาน

ดราม่าพอๆ กับที่นางเอกสนับสนุนความรุนแรงของตำรวจฮ่องกงก็คือการตัดขาด Mu Shulong ซึ่งเป็นหนึ่งในสีสันหลักของเรื่อง แต่ต้องเข้าใจว่าไม่มี Mushu Dragon ในตำนานดั้งเดิมของจีน และตัวภาพยนตร์เองก็พยายามทำให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด คงจะเป็นอะไรที่เหนือจริงไม่น้อยหากมีสัตว์ในตำนานหรือสัตว์เลี้ยง

ที่คอยอยู่เคียงข้างนางเอกเสมอ นอกจากนี้ ชาวจีนไม่ชอบใช้มังกรเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความแข็งแกร่งในวัฒนธรรมของพวกเขาหรือ? ตำนานของครอบครัวของเขาถูกสร้างให้เป็นสัตว์เลี้ยงตลกหรือเพื่อนสนิทของนางเอก ดังนั้นในแง่ของการ “เคารพต้นฉบับ” หรือ “เคารพต้นกำเนิดของตำนาน” ดิสนีย์อาจมีสิทธิ์ที่จะตัด Mushu ออก

มู่หลาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *