วันนี้เรามารีวิว หนังDiseny เรื่อง the lion king (เดอะ ไลอ้อนคิง) เป็นภาพยนต์แนวแฟนตาซี สัตว์พูดได้และร้องเพลง ตามสไตล์ดิสนีย์ จากการ์ตูนดัดแปลงเป็นภาพยนต์ ดูได้แล้ว แบบเต็มเรื่อง พากย์ไทย สามารถหาดูได้แล้วที่นี้ ดูหนังออนไลน์ฟรี หรือถ้าไม่มีเวลาดู ก็อ่านรีวิวหนังของเราได้แล้วที่นี้

เรื่องย่อ เดอะ ไลอ้อนคิง

the lion king เรื่องย่อ เปิดเรื่องมาด้วยฉากในตำนาน กับฉากพระอาทิตย์ขึ้นสาดแสงส่องทุ่งหญ้าสะวันนาทำให้เห็นฝูงสัตว์น้อยใหญ่ และที่สำคัญดนตรีประกอบเจ้าของรางวัลออสการ์จากฮานส์ ซิมเมอร์ เพลง Circle of Life บรรยายเรื่องราวการถือกำเนิดของ “ว่าที่ราชา” ซิมบ้า และการเติบโตของเขา ก่อนจะพาเราเข้าสู่เรื่องราวการแย่งชิงบัลลังก์ การพลัดพราก และการเติบโตของลูกสิงโตน้อย สู่ราชาแห่งแดนทรนง พร้อมกับเพลงสุดไพเราะ

lion king

ปัญหาและเทคโนโลยีของเรื่อง the lion king นี้

ปัญหาเกี่ยวกับ “อนิเมชั่นอันเป็นที่รัก” เป็นจุดเด่นของภาพยนตร์คนแสดงของดิสนีย์เกือบทุกเรื่อง รวมถึง The Jungle Book, Beauty and the Beast หรือ Cinderella เพราะถ้าผู้กำกับไม่กล้าบ้าบิ่นเท่ากาย ริทชี่ และดัดแปลงอะลาดินเป็นนิทานอาหรับในเวอร์ชั่นพังก์ฮิพฮอพได้สำเร็จ เขาก็ต้องเลือกที่จะดัดแปลงให้มีมุมมองที่บิดเบี้ยวเหมือนมาเลฟิเซนต์ เดอะ ไลอ้อนคิง

เลือกที่จะเล่นอย่างปลอดภัย สร้างจากบทภาพยนตร์ดั้งเดิมเกือบทั้งหมดโดย Jeff Nathanson และ Brenda Chapman แทบจะเฟรมต่อเฟรม มันขยายจากเวอร์ชั่นมังงะไปจนถึงงานภาพที่เหมือนกระดาษลอกลาย การใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อสร้างภาพที่ “สดใส” สิ่งนี้ได้กลายเป็นดาบสองคม

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอาจถือเป็นคุณูปการสำคัญที่ทำให้ช่วงชีวิตนี้ของผมได้กลับมาชม เดอะ ไลอ้อนคิงในโรงอีกครั้งแบบเห็นสิงโตดูเป็นสิงโต นกเป็นนก หมูป่า เมียร์แคต แบบเหมือนมีชีวิตจริงราวดูสารคดีสัตว์โลก กอปรกับภาพวิวทิวทัศน์อันงดงามของผาทรนง แอ่งน้ำอันเต็มไปด้วยนกฟลามิงโก้ และทุ่งหญ้าซาวันนาอันแสนงดงามแต่ใดๆเลยล้วนไร้ความหมายเพราะตัวละครอันเป็นที่รักอย่างซิมบ้า มูฟาซ่า ทีโบน พุมบ้า นาล่า ต่างหากที่เราอยากกลับไปเจอพวกเขาอีกครั้ง ซึ่งโดยส่วนตัวผมประทับใจจุดนี้นะครับ การได้เห็นราฟิกิอุ้มซิมบ้าน้อยท่ามกลางความปลาบปลื้มของมูฟาซ่า ซาราบี และผองสรรพสัตว์แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วล่ะ

แถมเหล่าสิงโตน้อยยังน่ารักน่าเอ็นดูชวนอุ้มอย่างกับลูกแมวอีก ยิ่งตอนฉากร้องเพลง I Just Can’t Wait To Be King ที่มีนกฟลามิงโกยิ่งสวยงามเป็นอาหารตาที่เพลิดเพลินมาก และไฮไลต์สำคัญคงหนีไม่พ้นตัวละครที่เราโตมาพร้อมปรัชญาชีวิต ฮาคูน่า มาทาท่า อย่างทีโมน กับ พุมบ้า ที่ยังคงเป็นเหมือนเพื่อนช่วยปลอบประโลมเรามาตลอดร่วม 25 ปีที่ในหนังแบบสมจริงเราได้เห็น หมูป่า และ เมียร์แคต จอมกวนแต่จริงใจพร้อมไฝ่ว์ แค่นี้ภาพความทรงจำก็เหมือนถูกดึงมาปรากฎตรงหน้าให้ได้อิ่มเอมใจอีกครั้งแล้วล่ะ

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี CGI นำมาซึ่งราคาที่สำคัญที่สุดในความสมจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ การมีส่วนร่วมของอารมณ์ เนื่องจากการทำให้สัตว์ดูสมจริงนั้น หมายความว่าพวกมันต้องพึ่งพา “ตรรกะ” ของสิ่งมีชีวิต เพราะสัตว์ไม่สามารถแสดงอารมณ์ของมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ แต่ในทางกลับกัน โครงเรื่องและสาระสำคัญของ เดอะ ไลอ้อนคิง คือการตีความของวิลเลียมเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่โด่งดังที่สุดในโลก เชกสเปียร์เปลี่ยนหมู่บ้านเล็ก ๆ ให้กลายเป็นนิทานศีลธรรม ดังนั้นเราจึงไม่เห็นการแสดงออกของ Simba เล็กน้อยด้วยความกลัวสุดขีด พ่อของมูฟาซาเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกถูกควายกระทืบตาย หรือที่สำคัญกว่านั้นคือความพยายามของ Sarkar ที่จะหักหลังความโหดร้ายของพี่ชายของเขา เพื่อให้ผู้ชมรู้แต่เพียงว่าตัวละครสัตว์กำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้น How You Feel จึงถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาการแสดงด้วยเสียงทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่านำไปสู่การเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่เคยสัมผัสกับ the lion king 2 พากย์ไทย เวอร์ชันอนิเมชันปี 1994 ในภาคต่อๆ มา ทั้งเสียงพากย์และดนตรีประกอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

lion king

องค์ประกอบและนักพากย์

สิ่งหนึ่งที่เราต้องตระหนักเมื่อพูดถึงนักพากย์ก็คือ ครั้งนี้ John Favreau เลือกที่จะให้นักแสดง “เล่น” ตัวละครของพวกเขาและพยายามออกแบบการแสดงของพวกเขาราวกับว่าพวกเขากำลังแสดงเป็นพวกเขาจริงๆ ดังนั้นวิธีคิดจึงแตกต่างจาก “การพากย์” ซึ่งต้องอาศัยจังหวะ ระดับเสียงและยัติภังค์ควรตรงกับภาพเคลื่อนไหวของการตัด เริ่มต้นและหยุด เน้นคำตามปากตัวละคร ผลลัพธ์ต้องตรงไปตรงมาและหลายฉากไม่สดเกินไป เพราะในขณะที่นักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ที่สมจริงตามตัวละครนั้น “คนจริง” แทนที่จะกระพริบตาเมื่อปากเปิดและปิด แม้ว่าเสียงและหน้าตาของตัวละครจะไม่สำคัญ แม้แต่เจมส์ เอิร์ล โจนส์ ซึ่งพากย์เสียงมูฟาซาอีกครั้ง

เราก็ยังไม่รู้สึกถึงความเมตตาหรือความรักที่มีต่อเด็กๆ เหมือนในเวอร์ชันแอนิเมชัน ซึ่งวิธีการนี้มันพอไปรอดกับฉากคอเมดี้ทั้ง ซิมบ้า นาล่า ตอนเป็นสิงโตน้อย และ พุมบ้า กับ ทีโบน ที่อาศัยบุคลิกตลกๆของหมูป่ากับเมียร์แคตแล้วเสริมด้วยเสียงพากย์จากดาราตลกเข้าไปได้อย่างไม่สะดุดเท่าใดนักแต่รอยด่างพร้อยที่สุดของงานพากย์คงหนีไม่พ้นตัวละคร สกา จริงอยู่ว่า ชิเวเทล เอจิโอฟอร์ อาจเคยเล่นเป็นผู้ร้ายมาบ้าง แต่กลับ สกา ที่เสียงของ เจเรมี ไออ้อน ยังคงดังกังวาลในความทรงจำของผม เสียงทุ้มต่ำของ ชวีเทล เลยกลายเป็นโทนต่ำชวนง่วงและไม่นำพาอารมณ์ร่วมไปอย่างน่าเสียดาย

และอีกองค์ประกอบที่หลายคนจับตามองคืองานเพลงประกอบหนัง สำหรับดนตรีประกอบของฮานส์ ซิมเมอร์ ก็ยังสามารถกินบุญเก่า บวกปรับปรุงให้อลังการขึ้นเอาตัวรอดได้สบาย แต่กับงานออกแบบ-ตีความเพลงประกอบหนังใหม่ของ ฟาเรล วิลเลียม ที่โดยส่วนตัวก็ถือว่ารับเผือกร้อนไม่ต่างจากจอห์น แฟฟโรว์ ผู้กำกับหนังต่างหากที่เหมือนแต่ละเพลงผ่านไปก็โดนคนดูตัดเกรดไปเรื่อยๆ ซึ่งสำหรับเพลง Circle of Life อันนี้คือแทบเหมือนเดิมก็ยังไม่เลวร้ายนัก I Just Can’t Wait To Be King ได้เสียงใสๆของ เจดี แมคเครรี และ ชาฮาดี ไรต์ โจเซฟ มาดูเอตก็ยังฟังน่ารักดี รวมถึงเพลง Hakuna Matata ก็ยังเอาตัวรอดได้ด้วยเสน่ห์ของนักพากย์ที่ร้องได้มีสีสัน แต่จุดผิดพลาดแบบให้อภัยไม่ได้ของ ฟาเรล วิลเลียม จริงๆคือการเลือกขลิปเพลง Be Prepare ของ สกา ออก ไม่แน่ใจว่า Chiwetel Ejiofor ร้องเพลงไม่ได้หรืออะไร แต่ถ้าใครเคยดูเวอร์ชั่นต้นฉบับที่ร้องโดย Jeremy Irons เพลงนี้มีน้ำหนักมากเพราะมันบ่งบอกถึงความหน้าซื่อใจคด ความทะเยอทะยานของ Scar นั้นบริสุทธิ์ สิ่งนี้ยังทำให้เราเข้าใจว่าทำไม Scar ถึงโกรธ Mufasa มาก วิดีโอสั้นของ Mufasa ป้องกันไม่ให้ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ทำให้ Scar ลอบสังหาร Mufasa เป็นความทะเยอทะยาน แน่นอนว่าเพลง “Can You Feel the Love Tonight” ซึ่งเดิมรวมอยู่ในเพลงประกอบภาพยนตร์โรแมนติก กลับมาในเวอร์ชั่น R&B และสวยงามอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่พอเอามารวมกับหนังกลับรู้สึกอึดอัด การขับร้องของบียอนเซ่และโดนัลด์ โกลเวอร์ ไม่รู้สึกเหมือนตัวละครกำลังร้องเพลง มันจึงกลายเป็นมิวสิควิดีโอของ Beyoncé และ Childish Gambino

lion king

ข้อดี

ข้อแรกและข้อแย่ของเวอร์ชั่นนี้คือหนังตัดส่วนที่เกินจริงออกไป ไม่ใช่สัตว์ทุกตัวที่จะเล่นหน้า การไม่แสดงสีหน้ายิ้มหรือตาโตเหมือนในการ์ตูนคงเหลือเพียงส่วนสำคัญของเรื่องอย่างสัตว์พูดได้ซึ่งยังมีวิญญาณของมูฟาซาอยู่

หนังทั้งเรื่องเน้นที่ความสมจริงจนรู้สึกเหมือนกำลังดูสารคดีของ National Geographic หรือ Planet Earth แม้ว่าฉากร้องเพลงจะเป็นแค่สัตว์วิ่งไปมาและแพนกล้องก็ตาม ฉันรู้ว่าฉันต้องการมุ่งเน้นไปที่ความสมจริง แต่นี่เป็นเรื่องธรรมดาเกินไปและไม่น่าสนใจ

และการแสดงอารมณ์ของผู้ชมด้วยสีหน้านิ่งเฉยจึงเกิดขึ้นได้ยาก ไม่ใช่ว่าซิมบ้าเสียใจ มูฟาซากำลังจะล้มลงสู่ความตาย นอร่ามองซิมบ้าด้วยสายตาแห่งความรัก Sam Bud ร้องเพลง Hakuna Matata และอีกมากมายฉากเพิ่มเติม ไม่เหมาะกับภาพตบปาก หลายอย่างบนหน้าจอใช้การพากย์เสียงไม่ได้

พูดตามตรง ช็อตของ Mufasa ที่ตกจากหน้าผากลางอากาศแบบสโลว์โมชั่นก่อนตายนั้นช่างน่าหัวเราะ เพราะมันขัดแย้งและไม่ลงรอยกันอย่างสิ้นเชิง เสียงของ NOOOOOOO เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ไม่มีอะไรบนใบหน้า Mufasa และ Scar และเรื่องราวทั้งหมดจะมีความขัดแย้งมากมาย

ฉากที่น่าตื่นเต้นที่สุด นอกเหนือจากฉากต่อสู้อันดุเดือดแล้ว ซิมบ้ายิ้มขณะที่เขาเฝ้าดู Mufasa กระโดดจากฝูงควายเป็นครั้งสุดท้าย แต่ส่วนใหญ่ก็อย่างที่บอก แม้แต่ฉากร้องเพลงที่แค่เดินไปมากล้องก็สั่น ท่าโยกเยกของ Hakuna Matata ยังน้อยไป ลองคิดดู

ข้อเสีย The Lion King

ข้อเสียที่มาพร้อมกับมันคือการเปลี่ยนแปลงของตัวละครและองค์ประกอบเรื่องราว และ The Lion King2019 ก็ติดตามเรื่องราวของหนังสือต้นฉบับแทบทุกตารางนิ้ว แม้แต่มุมกล้องแต่ความสมจริงประกอบกับการขาดจินตนาการทำให้เนื้อหาบางส่วนแตกต่างไปจากเดิมและทวีคูณและทำให้ทุกอย่างพังทลาย

จากจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตัวละครของ Scar เปลี่ยนจาก Scar เจ้าเล่ห์ หนึ่งในตัวละครที่โดดเด่นที่สุดของเรื่อง ไปสู่ ​​Scar ที่น่าเบื่อและน่าเบื่อ Scar เวอร์ชั่นนี้เป็นความโหดล้วนๆ เสียงของตัวละครเปลี่ยนไป แต่สื่อออกมาแค่นั้นยังไม่พอ อย่าเพิ่งทำให้จืดชืด แต่สิ่งนี้ทำให้ความลึกของหลาย ๆ ฉากไม่เพียงพอ

ฉากร้องเพลง Be Preparation ถูกย่อให้สั้นลง แถมไม่มีอะไรดี (น่าเกลียดมาก) การเปลี่ยนบทสนทนาและการโต้ตอบแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ส่วนที่ยากที่สุดคือการแสดงออกทางสีหน้า รุ่นนี้เป็นศูนย์ สำหรับคนที่ดูอนิเมะแล้วถือว่าไม่แพ้ใครจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือส่วนที่แย่ลง ทั้งที่เปลี่ยนเพราะต้องการเน้นความสมจริง และ เปลี่ยนฉากเพราะอยากเปลี่ยน เช่น เปลี่ยนทำไม เพราะอะไร? อย่างฉากที่เล่าอดีตของตัวเองให้ซิมบ้าฟังก็หายไป การสนทนาของ Mufasa ถูกขัดจังหวะ (อี้หยุนไม่ชัดเจน) หลังจากพูดจบฉันก็วิ่งกลับไปที่ภูเขาฮัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *